“ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ นอกจากดูแลโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กในสังกัดเทศบาลแล้ว พันธกิจของเราคือการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้กับคนทุกวัย เช่น ตลาดนัดที่มีพื้นที่กิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน หอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์ที่เป็นพื้นที่จุดประกายด้านศิลปะ หรือโรงเรียนผู้สูงอายุ ที่มีหลักสูตรการเรียนรู้สำหรับคนสูงวัย และกิจกรรมให้พวกเขาได้ผ่อนคลาย เป็นต้น
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ากาฬสินธุ์พร้อมด้วยคุณสมบัติของเมืองแห่งการเรียนรู้ เพิ่งมารู้ก็เพราะเมื่อทางอาจารย์จากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์มาสร้างความร่วมมือขับเคลื่อนกลไกเมืองแห่งการเรียนรู้นี่แหละ คือเราก็ทำของเรามาเรื่อยๆ จนทางมหาวิทยาลัยเอาหลักวิชาการเข้ามา และเชื่อมโยงกิจกรรมการเรียนรู้กับชุมชนต่างๆ จนพบว่าทางเทศบาลกับมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์มีเป้าหมายเดียวกัน
อย่างงานตลาดสร้างสุขที่จัดทุกเย็นวันอังคารและพฤหัสบดีรอบหอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์ ที่เทศบาลร่วมเป็นเจ้าภาพ นายกเทศมนตรีท่านยังมอบหมายงานนี้ให้กับสำนักงานผม ซึ่งดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับการทำตลาดเลย แต่อย่างที่บอกว่ากาฬสินธุ์เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ กระทั่งตลาดนัดก็ยังเป็นพื้นที่เรียนรู้ได้เลย
อาจเป็นเพราะเมืองกาฬสินธุ์เราไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ มากนัก การมีถนนคนเดินในรูปแบบตลาดนัด จึงกลายมาเป็นที่พบปะของผู้คนในเมือง เป็นที่ทำกิจกรรม และพักผ่อนร่วมกัน อย่างสมัยก่อน เทศบาลเขาพยายามจัดพื้นที่เรียนรู้ที่สวนสาธารณะริมแก่งดอนกลาง มีการจัดกิจกรรมและทำห้องสมุดเล็กๆ ในศาลาด้านหน้าสวนสาธารณะ แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าที่ควร ส่วนใหญ่จะมาวิ่งหรือนั่งเล่นที่สวน จนย้ายพื้นที่เรียนรู้มาจัดในตลาดนี่แหละ เด็กๆ มาใช้พื้นที่จริงๆ หรือผู้ใหญ่ก็หยุดนั่งฟังเสวนาบนเวที พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองอีกด้วย
ขณะเดียวกัน นอกจากการทำตลาดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ อีกเรื่องที่ผมคิดว่าเมืองของเราไม่เหมือนที่ไหน คือการมีหอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์ เป็นแหล่งนัดพบ และทำกิจกรรมเกี่ยวกับเมืองร่วมกันของประชาชน เพราะแทบจะไม่มีเมืองไหนที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะจะกลายเป็นศูนย์กลางเมืองได้เท่าเราเลยนะครับ
ส่วนที่มาของหอศิลป์แห่งนี้เกิดจากที่จังหวัดได้ถ่ายโอนอาคารศาลากลางหลังเก่าให้ทางเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ดูแล ชั้นบนทางวัฒนธรรมเขาทำพิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นพื้นที่เรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ไว้แล้ว นายกเทศมนตรี (จารุวัฒน์ บุญเพิ่ม) ท่านก็อยากทำพื้นที่ชั้นล่างให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วย และก็พอดีกับที่ท่านรู้จักเครือข่ายศิลปินร่วมสมัยท้องถิ่น ก็เลยชวนกันจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะขึ้น โดยกองการศึกษาของผมได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่แห่งนี้
หอศิลป์เราจะจัดแสดงนิทรรศการศิลปะของศิลปินท้องถิ่น รวมถึงศิลปินชั้นนำในไทยไปจนถึงระดับนานาชาติ อย่างล่าสุดศิลปินจากลาวและเวียดนามก็มาจัดแสดงงานที่นี่ ก็คิดว่าต่อไปน่าจะเป็นศูนย์กลางศิลปะระดับภูมิภาคได้
นิทรรศการจะหมุนเวียนทุกเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นนิทรรศการกลุ่มที่มีธีมเนื้อหาเดียวกัน ต่อหนึ่งนิทรรศการจะจัดแสดงอย่างน้อยหนึ่งเดือน พอหมดนิทรรศการหนึ่ง ก็จะปิดเพื่อเตรียมนิทรรศการใหม่ราว 2 สัปดาห์ หมุนเวียนไปแบบนี้ ปีหนึ่งก็จะมีงานให้ดูราว 6 นิทรรศการ ทางกองการศึกษาก็ได้งบจากเทศบาลมาจัดงาน ทั้งการขนส่งงานศิลปะ การติดตั้งไปจนถึงทำพิธีเปิด ขณะที่คณะกรรมการหอศิลป์ฯ จะเป็นฝ่ายคัดสรรผลงานของศิลปินมาจัดแสดง
ผมหวังให้หอศิลป์แห่งนี้ช่วยสร้างระบบนิเวศทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยให้กับเมือง มันอาจช่วยจุดประกายให้คนรุ่นใหม่เห็นถึงโอกาสใหม่ๆ และกลับมาทำธุรกิจที่มีรูปแบบร่วมสมัยให้กับเมือง เพราะต้องยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมา กาฬสินธุ์เป็นเมืองสมองไหล เด็กนักเรียนเรียนจบไป ก็ไปต่อระดับอุดมศึกษาที่กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่อื่นๆ พอเรียนจบเขาก็หางานทำที่นั่นเลย เพราะกาฬสินธุ์ไม่ได้มีงานรองรับคนรุ่นใหม่เพียงพอนอกจากงานราชการ คือถ้าระบบนิเวศด้านนี้มันเข้มแข็ง คนรุ่นใหม่อาจจะอยากกลับมาลงทุนอะไรใหม่ๆ ในบ้านเกิดเขาบ้าง
ผมเกิดและโตที่กาฬสินธุ์ รู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานอยู่ที่บ้านเกิด ถึงเมืองมันค่อนข้างเล็กและไม่มีอะไรหวือหวา แต่ก็มีทุกอย่างครบถ้วนดี และไม่มีบรรยากาศของการแข่งขันแบบเมืองใหญ่ๆ แต่อย่างที่บอกว่าเมืองมันต้องการพลังงานสร้างสรรค์จากคนรุ่นใหม่อีกเยอะ ทุกวันนี้กาฬสินธุ์มีความน่าอยู่ ผู้คนมีความสุข และเราก็มีต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติอยู่มาก ถ้าคนรุ่นใหม่กลับมาในเมืองมากขึ้น เมืองจะมีสีสันกว่านี้ และดึงดูดให้เกิดการลงทุน เสริมเศรษฐกิจเมืองมากกว่านี้เช่นกัน”
กันติพงษ์ เบ้าจังหาร
ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…