“ผมเป็นคนอำเภอยะรัง เรียนสาขานวัตกรรมการออกแบบและสร้างสรรค์สื่อ ม.อ. ปัตตานี ช่วงที่เรียนผมมีความฝันอยากทำภาพยนตร์ และสนใจบอกเล่าวัฒนธรรมร่วมสมัยของคนรุ่นใหม่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ เลยรวมเพื่อนทั้งหมด 5 คน ตั้งกลุ่มทำหนังสารคดีประกวดของโครงการ Deep South Young Film Maker เรื่องแรกที่เราทำด้วยกันเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักดนตรีสามรุ่นในสังคมมุสลิมของสามจังหวัด ตอนส่งประกวด กรรมการเขาก็ให้ตั้งชื่อกลุ่ม คุยกันอยู่สักพัก แล้วมาลงเอยที่ชื่อ แบวอร์ก (Baewalk)
แบวอร์กเป็นการเล่นคำมาจาก ‘แบเวาะ’ ซึ่งแปลว่าตัวเงินตัวทองในภาษายาวี เราเปลี่ยนคำที่มีความ hate speech ของพื้นที่ จาก ‘เวาะ’ เป็น ‘วอร์ก’ ที่แปลว่าเดินในภาษาอังกฤษ ส่วนคำว่า ‘แบ’ โดดๆ จะแปลว่าเด็กผู้ชาย จากตัวเงินตัวทองในแบเวาะ เลยกลายเป็น เด็กผู้ชายเดินด้วยกันในแบวอร์ก เรามีสโลแกนล้อไปกับชื่อว่า Let’s walk with us หรือร่วมเดินไปกับเรา
หลังเรียนจบ กลุ่มพวกเราก็รับทำหนังโฆษณาและวิดีโอในพื้นที่สามจังหวัดกันต่อ ก่อนจะได้ทุนจากโครงการ Young Story Teller ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา มาทำสื่อออนไลน์บอกเล่าเรื่องราวร่วมสมัยของผู้คนในสามจังหวัด ก็ทำเป็นเพจเฟซบุ๊คชื่อเดียวกับกลุ่ม ทำวิดีโอสารคดีสั้น วิดีโอสัมภาษณ์ และบทความพร้อมรูปประกอบ เราตั้งใจเป็นสื่อที่เล่าเรื่องคนในพื้นที่ และทำให้คนนอกพื้นที่ได้เห็นว่าวิถีของชาวมุสลิมในสามจังหวัดหาได้มีแค่เป็นภาพจำที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อกระแสหลักอย่างเดียว
อย่างเรื่องเบอร์เกอร์บัง หรือแฮมเบอร์เกอร์ตำรับชาวมุสลิม ซึ่งเราทำวิดีโอสั้นบอกเล่าถึงที่มาของอาหารสตรีทฟู้ดที่อยู่คู่กับวิถีของคนสามจังหวัด คนที่นี่คุ้นเคยแต่ส่วนใหญ่กลับไม่รู้ความเป็นมา เราก็ไปขุดค้นและนำเสนอ เพจเรายังแนะนำศิลปินหรือคนทำงานสร้างสรรค์ที่อยู่ในพื้นที่ ตั้งแต่ช่างภาพสตรีท ไปจนถึงช่างเขียนคัทเอาท์หนังคนสุดท้ายของยะลา เป็นต้น
ทุกวันนี้เราทำเพจ Baewalk ควบคู่ไปกับการรับงานวิดีโอโปรดักชั่น และงานสร้างสรรค์สื่อต่างๆ อยู่ในพื้นที่สามจังหวัด ตอนแรกพวกเราไม่คิดที่จะทำงานที่นี่เลยนะครับ เพราะเราตระหนักดีว่างานแบบนี้ไม่น่าจะมีคนจ้างมากพอจะทำเป็นอาชีพที่นี่ได้ ตอนจบมาใหม่ๆ พวกเราก็คิดจะไปสมัครงานบริษัทที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่อาจเพราะจับพลัดจับผลู ได้โปรเจกต์มาเรื่อยๆ และเริ่มเป็นที่รู้จักจากการแนะนำเป็นทอดๆ ก็เลยทำให้เรามีงานที่พอจะเลี้ยงตัวเองอยู่ที่นี่ได้
มีพี่คนหนึ่งบอกผมว่าพวกเรายังหนุ่ม กลัวอะไรกับความล้มเหลว ถ้าเราทดลองเริ่มอาชีพแบบนี้ที่บ้านเกิดเราเองตอนนี้ ถึงในอนาคตเราอาจจะล้ม แต่พวกเราก็ยังมีพลังพอจะลุกขึ้นมาสู้ใหม่อยู่ คำพูดนี้จุดประกายผมมาก และนั่นทำให้ผมกับทีมเลือกที่จะสู้ด้วยกันที่นี่ แทนที่จะไปหางานที่กรุงเทพฯ
เมื่อก่อนผมไม่มีความฝันเลยนะ ผมเรียนโรงเรียนปอเนาะ (โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม – ผู้เรียบเรียง) จนจบ ม.6 โดยไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร แต่ความที่ชอบวาดรูป ก็เลยไปสมัครเรียนทางศิลปะ จนมาพบตัวเองว่าชอบทำหนัง ได้มีโอกาสทำหนังประกวดจนได้รางวัล และพอมีโอกาสทำอาชีพที่ตัวเองอยากทำในบ้านเกิดตัวเองได้ ทุกวันนี้ถ้าใครถามผมว่าฝันถึงอะไรอยู่ คำตอบก็น่าจะเป็นการได้ทำงานสื่อเชิงสร้างสรรค์ในสามจังหวัดแบบนี้ต่อไป ได้พัฒนาผลงานตัวเอง และมีส่วนในการทำให้คนทำสื่อรุ่นใหม่สามารถมีที่ทางได้กลับมาทำงานที่ตัวเองรักในบ้านเกิดได้”
นุรดีน กาซอ
ผู้กำกับภาพยนตร์ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพจ https://www.facebook.com/Baewalk2021
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…