“แม้ระยองจะเป็นเมืองที่มีแรงงานหัวกะทิทำงานอยู่มากมาย แถมเป็นเมืองที่มีรายได้ต่อหัวสูงสุดในประเทศ แต่เรากลับไม่มี facility พื้นที่สาธารณะดีๆ หรือกระทั่งระบบขนส่งมวลชนให้คนในเมืองได้ใช้เลย”

“ที่ดินตรงนี้ประมาณ 80 ไร่ เป็นของกงสีครอบครัวผม ซึ่งอยู่ติดกับป่าโกงกางกลางเมืองระยอง ส่วนใหญ่เราปล่อยไว้เป็นพื้นที่สีเขียว แต่ก็มีบางส่วนที่ใช้ประโยชน์ อย่างบ่อน้ำตรงนี้เป็นบ่อพักน้ำสำหรับทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งที่อยู่ถัดไป หรืออาคารด้านหลังเคยเป็นโรงไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ของลุง แต่ปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง

ผมจบสถาปัตยกรรมผังเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นก็กลับมาทำงานในด้านการพัฒนาชุมชนที่ระยองได้ราวหนึ่งปี และพบว่ามุมมองของเรากับบริษัทไม่ตรงกัน จึงลาออกมา ความที่ผมเป็นนักกีฬาแบดมินตันอยู่แล้ว และมีโรงไม้เก่าในพื้นที่บ้านอยู่ เลยตัดสินใจเปลี่ยนโรงไม้นี้มาเป็นคอร์ทแบดมินตันให้เช่า และก็ใช้พื้นที่นี้เปิดสอนแบดมินตันไปพร้อมกัน

พอเปิดคอร์ทแบดแล้ว ก็พบว่าช่วงกลางวันที่ไม่มีคนมาใช้สนาม พื้นที่มันเงียบ จึงเปิดคาเฟ่ไปด้วย ซึ่งได้ทำเลอยู่ริมบึงน้ำกลางป่าเป็นที่ดึงดูด ผมเรียนด้านผังเมืองมา ก็ตั้งใจลึกๆ อยากให้คาเฟ่ในสวนแห่งนี้มันเชื่อมพื้นที่สีเขียวของเมือง ให้คนในพื้นที่ที่เหนื่อยๆ จากการเดินป่าโกงกางมาพักผ่อน มานั่งเล่น หรือมาเดินชมสวน

แต่พอเปิดไปสักพัก กลายเป็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมากกว่า ผิดวัตถุประสงค์นิดหน่อย อาจเพราะร้านผมต้องเข้ามาในซอยลึกด้วย เลยมีความคิดว่าจะพัฒนาพื้นที่ปากซอยให้เป็นคาเฟ่อีกแห่ง เพราะข้ามถนนไปก็เจอป่าโกงกางเลย คนมาเดินเล่นจะได้ใช้บริการสะดวกๆ ขึ้น

ผมว่าเมืองระยองมีความย้อนแย้งที่น่าสนใจหลายอย่าง ในแง่บวก เราเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ทุกมุมเมืองเต็มไปด้วยโรงงาน แต่ก็กลับมีป่าโกงกางเป็นเหมือนปอดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง รวมถึงเป็นพื้นที่ทางการเกษตรที่ดีมากๆ

ส่วนในแง่ลบ แม้เราจะเป็นเมืองที่มีวิศวกรหรือคนทำงานระดับหัวกะทิย้ายมาอยู่มากมาย แถมยังเป็นเมืองที่มีรายได้ต่อหัวสูงสุดในประเทศ แต่เมืองกลับไม่มี facility พื้นที่สาธารณะดีๆ หรือกระทั่งระบบขนส่งมวลชนให้คนในเมืองได้ใช้เลย

กลับกลายเป็นว่าในย่านกลางเมือง เรามีแต่คาราโอเกะ ผับ และสถานบันเทิงขนาดใหญ่และหรูหราเพื่อรองรับบุคลากรเหล่านี้เต็มไปหมด กิจกรรมของคนทำงานในเมืองจึงเน้นไปที่การกินดื่มเป็นหลัก ส่วนสวนหย่อมดีๆ พื้นที่ออกกำลังกาย หรือพื้นที่ทางกิจกรรมอื่นๆ ส่วนมากกลับไปอยู่ในพื้นที่ของโรงงานแต่ละแห่งแทน ซึ่งมันก็ย้อนแย้งอีก เพราะเอกชนไม่ควรลงทุนกับ facility เหล่านี้ รัฐต้องลงทุน เอกชนควรเก็บเงินไปลงทุนกับการขยายงานให้คนในเมืองเพิ่มมากกว่า

เช่นเดียวกับการคมนาคม นอกจากรถประจำทางที่วิ่งระหว่างอำเภอ ระยองก็ไม่มีระบบขนส่งมวลชนเชื่อมจุดต่างๆ ในเมืองเลย นั่นทำให้คนระยองต้องพึ่งพารถส่วนตัวเกือบ 100% หรือโรงงานต่างๆ ต้องลงทุนกับรถรับส่งพนักงานของเขาจากบ้านไปที่ทำงาน และก็เพราะทุกคนใช้รถส่วนตัว พื้นที่สำหรับการเดินเท้าจึงไม่มีประสิทธิภาพ ทางเท้าไม่ค่อยมีเพราะไม่ค่อยมีคนเดิน และเมื่อคนไม่ค่อยเดิน รัฐก็เลยไม่เห็นความจำเป็นในการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง
ถ้าระยองมีรถเมล์ดีๆ สักสายหนึ่งไว้เชื่อมเมืองอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ทางกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้าและสถานบันเทิง ผมมองว่าระยองจะสามารถพัฒนาไปสู่พื้นที่ที่ตอบสนองกับความต้องการของทุกคนได้มากกว่านี้อีกเยอะ

พี่ในก๊วนแบดมินตันคนหนึ่งเคยบอกกับผม ระยองตอนนี้มีโรงงานมากเป็นพันๆ โรง และมีโรงงานขนาดใหญ่สองโรงขนาบหัวเมืองและท้ายเมือง พื้นที่ที่ปลอดภัยจากมลภาวะทางอากาศมากที่สุดในขณะนี้คือในย่านใจกลางเมือง เพราะลมมันพัดควันเสียออกไปทางอื่นหมด ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความย้อนแย้ง เพราะในช่วงหลายปีหลัง ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะไปซื้อบ้านจัดสรรกระจายกันอยู่นอกเมืองออกไปเรื่อยๆ เพราะพวกเขามีรถส่วนตัวจะไปอยู่ไกลแค่ไหนก็ได้ และก็เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในเมืองมากไปกว่าการกินดื่มหรือช้อปปิ้ง

สำหรับผมเมืองระยองควรต้อง compact กว่านี้ ซึ่งความ compact นั้นก็ต้องมาพร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนด้วย”   

พัฒก์ เกสรแพทย์
เจ้าของบ้านพัฒก์ (Baanpat) คาเฟ่และสนามแบดมินตัน
https://www.facebook.com/baanpatrayong?locale=th_TH

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

4 days ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago