Categories: City View

โลกหมุนได้ด้วยรัก

เขาว่ากันว่า Love makes the world go round.  คุณเชื่อไหม

ฉันเชื่อนะเพราะเคยผ่านพบอะไรหลายอย่างที่ทำให้นึกขึ้นมาว่าเออ โลกนี้หมุนได้ด้วยรักจริงๆ แหละ 

อย่างเช่นตอนที่จบการพูดคุยทางโทรศัพท์กับลูกศิษย์คนหนึ่งถึงกิจกรรมในรอบปีที่ผ่านมา  ลูกศิษย์คนนี้เป็นนักศึกษาเกรดเอและเธอไม่ได้เก่งแต่การเรียน การจัดการเธอก็ทำได้คล่องแคล่วและมีมนุษยสัมพันธ์ดี  ถ้าหากจะหางานทำในเมือง เธอก็คงไปได้สวย แต่เมื่อเรียนจบ เธอเลือกไปทำงานพัฒนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในฉะเชิงเทรา  

เกือบ 30 ปีผ่านไป เธอก็ยังอยู่ที่นั่น ยืนหยัดร่วมกับชาวบ้านฝ่าฟันอุปสรรคนานาชนิดที่ดาหน้าเข้ามา ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยอิทธิพลมืดและภัยจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญและสนใจแต่ผู้มีเงินมากกว่าชาวบ้านตาดำๆ ตลอดมา (แม้แต่โครงการรับจำนำข้าวที่อ้างว่าทำเพื่อเกษตรกร ก็ยังให้ประโยชน์เฉพาะคนที่มีที่นามากพอเนื่องจากมีการกำหนดขั้นต่ำของปริมาณข้าวที่จะรับจำนำแทนที่จะกำหนดขั้นสูงเพื่อให้โอกาสกับชาวนาที่มีที่นาน้อยและกันชาวนารวยออกไป) 

คำว่า “โลกหมุนได้ด้วยรัก” ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อคุยกับเธอเพราะฉันรู้สึกว่าความรักบ้านเกิด ความรักผืนแผ่นดินของคนตัวเล็กๆ เหล่านี้แหละที่ช่วยให้โลกหมุนไปได้ด้วยดีท่ามกลางกระแสการทำลายล้างด้วยน้ำมือมนุษย์ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ใช่นโยบายประชานิยมบ้าเลือด ไม่ใช่นักการเมืองที่สนใจแต่คะแนนเสียงมากกว่าผลดีต่อประชาชนในระยะยาว ไม่ใช่นายทุนที่พร้อมจะย้ายฐานไปที่อื่นเมื่อแผ่นดินนั้นไม่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่เป็นความรักผืนดิน ความรักบ้านเกิดของคนตัวเล็กๆ เหล่านี้ต่างหากที่ช่วยให้สังคมไทยยังดำรงอยู่และดำเนินต่อไปได้

คนจำนวนไม่น้อยมองนักพัฒนาเอกชน (ที่มักเรียกกันว่าเอ็นจีโอ) ว่าเป็นตัวป่วน  พวกเขาป่วนไหม ก็ป่วนนะเพราะจำเป็นต้องป่วนตราบใดที่ความสงบยังแฝงไว้ซึ่งความไม่เป็นธรรมในสังคม  ฉันรู้จักเอ็นจีโอหลายคนที่ต้องตะลอนกินนอนไปในที่ต่างๆ ที่ไร้ความสะดวกสบาย รับเงินเดือนไม่มากและทำงานแบบไม่มีเวลาและวันหยุดเพราะต้องพร้อมรับสถานการณ์ที่จะมาถึงเมื่อไรก็ได้  ถ้าใจไม่รักและไม่เชื่อในสิ่งที่ทำ ฉันคิดว่าพวกเขาคงทำงานไม่ได้ยืนนานเช่นนั้น  

ฉันเชื่อว่าความรักของคนเหล่านี้แหละที่ทำให้โลกหมุนไป

————

คำว่า Love makes the world go round. ยังผุดขึ้นมาในหัวขณะที่ฉันนั่งอยู่ในห้องส้วมที่เกียวโต!  จะตลกเกินไปไหมถ้าหากฉันจะบอกว่าสิ่งที่ฉันประทับใจที่สุดในการไปเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้วไม่ใช่ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยจับใจ ไม่ใช่วัดวาอารามและปราสาทที่อลังการ แต่เป็นห้องส้วมที่พบได้ทั่วไปในที่สาธารณะ!  

ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าการตั้งชื่อห้องส้วมว่า “ห้องสุขา” นั้นถูกต้องตรงเผงเลยทีเดียว  สิ่งแรกที่สะดุดความรู้สึกคือที่นั่งที่อุ่นสบาย  ปกติเวลาไปเมืองนอกแล้วอากาศหนาวๆ ก็ต้องเตรียมใจไว้เลยเวลาจะนั่งโถว่าจะต้องสัมผัสกับความเย็นเฉียบ  ถ้าเป็นส้วมบ้านเพื่อนก็จะมีขนแกะปูทับบนที่นั่งเพื่อให้อุ่น แต่ถ้าเป็นส้วมสาธารณะแล้ว รับรองว่าเย็นเจี๊ยบเลยทีเดียว  แต่ที่ญี่ปุ่น ส้วมสาธารณะทุกแห่งจะต่อไฟเข้าเพื่อให้ความอบอุ่นกับที่นั่งแถมยังปรับระดับความร้อนได้อีกด้วย  

จะไม่ให้ประทับใจได้ยังไง ก็ฉันยังไม่เคยไปประเทศไหนที่ใส่ใจกับก้นของคนเดินดินข้างถนนมาก่อนเลย! ☺

แต่สุขาของญี่ปุ่นยังมีอะไรมากกว่านั้นให้เล่นเพราะข้างๆ ที่นั่งจะมีปุ่มมากมายให้เลือก  เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้มีน้ำฉีดออกมาแบบไหนเมื่อเสร็จธุระ จะเปิดเพลงทำนองไหน ฯลฯ  อ้อ แล้วยังมีกระปุกฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับทำความสะอาดตัวโถก่อนนั่งอีกด้วยนะคะ (ช่างรักความสะอาดเสียจนฉันนึกสงสารคนญี่ปุ่นเวลามาเจอความสกปรกของห้องน้ำเมืองไทยจริงๆ)  

ทุกปุ่มมีตัวอักษรเบลกำกับสำหรับคนตาบอด  ที่ไม่ค่อยเคยเห็นมาก่อนคือมีรูปที่อธิบายการใช้ของทุกอย่างที่มีอยู่ในห้องน้ำอย่างถูกต้อง  เห็นแล้วรู้สึกว่าอย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่า Informative society หรือสังคมของการเรียนรู้จริงๆ  สังคมไทยยังห่างไกลจากคำนี้นัก  ถึงแม้จะบ้าเฟสบุ๊คกันทั่วบ้านทั่วเมืองแต่ฉันพบเสมอว่าคนไทยก็ยังไม่นิยมอ่านข้อมูลและคู่มือต่างๆ อยู่ดี  และฉันมักจะรู้สึกบ่อยๆ ว่าพวกเราไม่ค่อยใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเป็นฐานในการคิดและตัดสินใจแต่นิยมใช้ความเห็นรวมไปถึงข่าวลือที่ไม่มีการตรวจสอบมากกว่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฉันเกิดนึกถึงประโยค Love makes the world go round. ขึ้นมาในห้องส้วมก็คือเก้าอี้สูงที่แอบอยู่มุมห้องบางห้องของห้องส้วมผู้หญิงสำหรับใส่ลูกเล็กที่เธออุ้มมา  นั่นสินะ ฉันก็ไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยว่าผู้หญิงที่ต้องกระเตงลูกออกมาหาหมอหรือต้องอุ้มมาซื้อกับข้าวที่ตลาดด้วยนั้น เธอทำอย่างไรกับเด็กเวลาเข้าส้วม (โดยเฉพาะส้วมยองๆ แบบส้วมสาธารณะเมืองไทย!)  

ฉันรู้สึกขึ้นมาทันทีที่เห็นเก้าอี้สำหรับเด็กว่าญี่ปุ่นไม่ได้ก้าวหน้าเพราะเก่งเทคโนโลยี แต่เพราะเขามีแก่ใจคิดถึงปัญหาของคนรอบตัวจึงได้คิดเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับคนเหล่านั้น  ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ทำให้โลกก้าวหน้า  ความรักความเอาใจใส่กับเพื่อนมนุษย์ต่างหากที่ทำให้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปเพื่อตอบโจทย์ที่เป็นปัญหาอยู่

—————

โลกนี้หมุนได้ด้วยรัก ฉันเชื่อเช่นนั้นจริงๆ แต่ไม่ใช่รักที่หยุดอยู่แค่ตัวกู ของกู หากเป็นรักที่เกิดจากความอารีอารอบ ความใส่ใจและความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักกันมาก่อน  ฉันเชื่อว่าความรักเช่นนี้แหละที่ทำให้โลกเราหมุนไป

อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย

Recent Posts

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

2 weeks ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

2 weeks ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

2 weeks ago

[The Citizens]<br />รัชฎาพร นรนวล

เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…

2 weeks ago

[The Citizens]<br />อัญชลี หนูรักษ์

การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…

2 weeks ago

[The Insider]<br />พัชรากร ขุนทอง

แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…

2 weeks ago