ในชุมชนป่าห้าซึ่งอยู่ใกล้กับย่านนิมมานเหมินท์ ยังเห็นร่องรอยของลำเหมืองโบราณ เช่นเดียวกับอุดมคติของชุมชนที่ยังหลงเหลืออยู่

“เราไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ที่ดินตรงนี้เป็นของสามี และเขาปลูกบ้านไว้ หลังจากเราไปสอนหนังสือที่ขอนแก่นและเรียนต่อ จนได้กลับมาสอนที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เลยได้มาอยู่ที่นี่

เคยไปดูแผนที่ของทางเทศบาล ในนั้นระบุว่าชุมชนป่าห้าที่เราอยู่เป็นชุมชนแออัด ซึ่งถ้ามองทางกายภาพก็แออัดจริงๆ บ้านเรือนสร้างแทบจะขี่คอกัน แถมที่ดินบ้านเราก็อยู่ต่ำกว่าระดับถนน ฝนตกหนักทีก็มีสิทธิ์น้ำท่วม ดีที่บ้านเรามีบริเวณพอจะปลูกต้นไม้ทำสวน รวมถึงขุดบ่อไว้ระบายน้ำ เป็นโอเอซิสเล็กๆ กลางเมือง และถ้ามองในด้านทำเล ตรงนี้คืออุดมคติเลยล่ะ เราสอนหนังสือที่ ม.ช. ขับรถออกไปแค่ 5 นาที อยู่ใกล้สวนสาธารณะ ตลาด โรงพยาบาล ชีวิตแทบไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทาง

ชื่อชุมชนป่าห้ามาจากที่เมื่อก่อนชุมชนนี้มีต้นห้าหรือต้นหว้า ขึ้นชุม โดยเฉพาะบริเวณที่เชื่อมต่อกับถนนห้วยแก้ว แต่ก็เป็นเหมือนหลายๆ ย่านในเชียงใหม่ที่ตั้งชื่อตามต้นไม้พื้นถิ่นแต่เดี๋ยวนี้แทบหาไม่ได้ ต้นห้าในชุมชนป่าห้าตอนนี้เหลืออยู่สองต้น ต้นหนึ่งอยู่ในที่ดินของคอนโดมิเนียม ส่วนอีกต้นอยู่ในที่ดินของชาวบ้านใกล้ๆ ศาลพ่อปู่ แทบไม่เหลือหลักฐานแล้ว

อีกสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนคือลำเหมือง ซึ่งก็กำลังถูกคุกคามจากยุคสมัยพอกัน ลำเหมืองในชุมชนนี้มีสองแห่ง คือเหมืองห้า กับเหมืองห้วยแก้ว ผู้คนดั้งเดิมขุดลำเหมืองเพื่อรับน้ำที่ไหลมาจากดอยสุเทพ นำไปใช้ตามบ้านเรือน รวมถึงช่วยระบายน้ำไม่ให้ท่วม ทุกวันนี้มีเหมืองห้วยแก้วที่พอจะมีน้ำไหลอยู่บ้าง ส่วนเหมืองห้านี่แห้งขอด หลายช่วงถูกถมเพื่อขยายถนน บางส่วนเป็นที่จอดรถ หรือเข้าไปอยู่ในที่ดินส่วนบุคคล พอลำเหมืองใช้การไม่ได้ ฝนตกหนักทีไร น้ำจึงมักท่วม บ้านเราจึงต้องขุดบ่อไว้แก้ปัญหาตรงนี้ มีเครื่องสูบน้ำไว้ตัวหนึ่ง ถ้าวันไหนพายุเข้าหนักๆ เราก็สูบออกจากบึง แต่ก็นั่นแหละ เพราะชุมชนไม่มีที่ระบายน้ำอย่างเพียงพอ เราสูบออกมันก็ไปขังอยู่ที่ใดที่หนึ่งอยู่ดี

ถึงจะพูดในแง่ลบ แต่เอาเข้าจริงชุมชนป่าห้าเป็นเพียงชุมชนไม่กี่แห่งในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่ที่ยังเห็นร่องรอยของลำเหมืองอยู่นะ ที่อื่นนี่แทบไม่เหลือแล้ว แถมชุมชนนี้ก็ยังอยู่ใกล้ย่านที่ถือว่าพลุกพล่านและเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุดอย่างนิมมานเหมินท์ด้วย เช่นเดียวกับที่เรายังเห็นชุมชนเก็บบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้ตรงศูนย์กลาง หรือการไหว้ศาลผีปู่ย่า ที่นี่จึงเป็นเหมือนภูมิทัศน์ที่ซ้อนทับกันระหว่างวิถีสมัยใหม่กับรูปแบบสังคมในอดีต

และถ้าเราไปถามคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน เขาก็จะพูดคล้ายๆ กันว่าเมื่อก่อนยังเห็นทางน้ำไหลรินอยู่เลย ฟังแล้วก็สะท้อนใจ เพราะสมัยที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ และสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครั้งแรกเมื่อราวปี 2523 เราก็เห็นแบบนั้น ยังทันเห็นสะพานน้ำดีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อลำเลียงน้ำจาก ม.ช. ข้ามคลองชลประทานมาลงที่เหมืองห้า คุณภาพน้ำในชุมชนจึงดี ที่สำคัญชุมชนนี้ยังเป็นตัวเชื่อมสำคัญของน้ำจากดอยสุเทพที่ไหลเข้าเมือง มันจึงมีความ healthy มากๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอาสะพานนี้ออก บวกกับการขยายตัวของเมืองอันขาดการวางแผนและควบคุม ชุมชนจึงเป็นแบบที่เห็น

แต่นั่นล่ะ เราก็ไม่ได้คิดว่าการพัฒนาอะไรต่อมิอะไรคือความเลวร้าย หรือสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ถือว่าสายเกินแก้ การที่ยังคงเหลือลำเหมืองที่น้ำไหลรินอยู่ก็ดี หรือลำเหมืองที่แห้งขอดแต่ก็พอเห็นร่องรอยของการเปลี่ยนผันก็ดี หรือการที่คนเฒ่าคนแก่ยังมีความทรงจำต่อกายภาพของชุมชนในอดีตก็ดี เราเชื่อว่าการเห็นจะสร้างความตระหนักรู้ และนำไปสู่การให้ความสำคัญ อยู่ที่ว่าเราจะสื่อสารอย่างไรให้คนที่ยังอยู่ คนรุ่นใหม่ หรือคนที่เข้ามาใหม่เข้าใจ และมาร่วมกันพัฒนาให้ชุมชนเจริญโดยไม่ทำให้กายภาพดั้งเดิมสูญหายไปมากกว่านี้

เพราะอย่างน้อยที่สุดป่าห้าก็ยังเป็นย่านที่เราคิดว่ามีอุดมคติชุมชนหลงเหลืออยู่ อย่างที่ เจน จาคอบส์ (Jane Jacobs) นักเขียนและนักมานุษยวิทยาเรื่องเมืองเคยเขียนไว้ – เวลาเราเดินไปบนถนนในย่าน มองไปทางนี้ก็จะรู้ว่าคุณลุงที่นั่งอยู่ตรงนั้นชื่ออะไร รู้ชื่อของแม่ค้าขายของชำ ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ในย่าน คือแม้ไม่ได้สนิท แต่ก็รู้จักกันหมด บรรยากาศในย่านมันฟูมฟักความอุ่นใจแก่ผู้อยู่อาศัย ชุมชนป่าห้ายังมีลักษณะแบบนี้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เราหาไม่ได้จากบ้านจัดสรรหรือย่านการค้าสมัยใหม่อีกต่อไปแล้ว”

///

รศ.ดร. ปรานอม ตันสุขานันท์

อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

และชาวชุมชนป่าห้า

#WeCitizensTh #LearningCity #ChiangMai

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

4 hours ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

2 days ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

3 days ago

[The Citizens]<br />รัชฎาพร นรนวล

เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…

3 days ago

[The Citizens]<br />อัญชลี หนูรักษ์

การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…

3 days ago

[The Insider]<br />พัชรากร ขุนทอง

แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…

3 days ago