“ผมเป็นคนฝั่งธนบุรี จำได้ว่าสมัยตอนเป็นเด็ก มันมีตึกร้างแถวบ้านโดนน้ำท่วม หลังจากน้ำลดแล้ว ผมกับเพื่อนก็เข้าไปหาของเก่าที่เหลือในตึกนั้น เมื่อก่อนตึกนั้นเคยเป็นบ่อนการพนันของคนจีน ก็เลยเจอ ‘ปี้’ ที่มีลักษณะเหมือนกระเบื้องที่นายบ่อนใช้แทนเงินสมัยก่อน รวมถึงเศษสตางค์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 ไปจนถึงเงินพดด้วง เห็นแล้วแปลกตาดีเลยเก็บไว้ ซึ่งก็มีเถ้าแก่คนจีนมาหลอกเอาขนมมาแลกด้วยนะ ผมก็ยอมแลกเพราะอยากกินขนม มารู้ทีหลังว่าของที่เราเก็บได้มันมีค่ากว่าขนมเยอะ (หัวเราะ)
หลังเรียนจบผมย้ายมาทำงานการไฟฟ้าที่จังหวัดพิษณุโลกราวปี พ.ศ. 2513 ความที่เราชอบเก็บชอบดูของเก่าตั้งแต่เด็ก พอมีรายได้ ก็จะแบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งไปซื้อของเก่า ตอนแรกๆ เก็บโดยไม่คิดอะไรหรอก อันไหนสวยก็ซื้อเก็บ จนมีคนที่เขาสะสมมาก่อนมาสอนให้ดูของ ก็เลยศึกษามาตั้งแต่นั้น อาศัยการถามและจดจำ เพราะสมัยก่อนไม่มีตำราและอินเทอร์เน็ทเอาไว้ตรวจสอบ จากที่คิดว่าจะเก็บสะสมเรื่อยๆ ก็มีการขายออก หาเงินมาซื้อของเก่าชิ้นใหม่ หมุนเวียนไปแบบนี้
เริ่มจากเงินโบราณก่อน แล้วมาพระเครื่อง จากนั้นก็เป็นพวกเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ หรือโปสเตอร์หนัง เพราะต้องบอกอย่างนี้ ส่วนใหญ่นักสะสมพระเครื่องเขาจะหาพระ โดยการไปเลือกที่บ้านของคนที่มีพระเครื่องเลย พอไปถึงบ้าน เขาก็จะเห็นของเก่าๆ ในนั้น ส่วนมากก็เหมือนซื้อแถมมาด้วยเพื่อจะเอาไปบวกราคาขายต่อ ตลาดพระเครื่องสมัยก่อนจึงมีของเก่าพ่วงมาขายด้วย
ถ้าเทียบกับเมืองใกล้เคียง พิษณุโลกจะมีตลาดพระที่ใหญ่กว่าที่อื่น เพราะเรามีพระพุทธชินราชเป็นตัวชูโรง มีพระเครื่องหลายๆ รุ่นจากวัดดังในเมืองด้วย ตลาดพระเราจึงดึงดูดเซียนพระจากหลายจังหวัดให้เข้ามาเยี่ยมเยือน
ส่วนผมที่อยู่พิษณุโลกอยู่แล้ว ถ้ามีวันหยุดวันไหน ก็จะนัดกับเพื่อนขับรถไปตลาดพระเครื่องของจังหวัดใกล้ๆ อย่างกำแพงเพชร สุโขทัย หรือนครสวรรค์ที่มีชุมชนพระเครื่องที่วัดโพธาราม รวมถึงไปดูงานประกวดพระตามเมืองต่างๆ แล้วเจอของเก่าที่ไหนน่าสนใจ ผมก็ซื้อกลับมาด้วย
สำหรับตลาดของเก่าที่ใหญ่ที่สุดแถวนี้ไม่ใช่พิษณุโลกครับ เป็นหมู่บ้านโป่งศรี อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ซึ่งสมัยนั้นเป็นตลาดของเก่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศก็ว่าได้ ที่นั่นเขาจะมีแม่เลี้ยงอยู่คนหนึ่งที่คอยให้เงินกู้คนในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านหาวิธีการใช้หนี้แม่เลี้ยงด้วยการรวมตัวกันเหมารถไปหาของเก่าตามต่างจังหวัด ไปตามหมู่บ้านต่างๆ และแยกกันไปถามเจ้าของบ้านว่ามีของเก่าอะไรอยากขายไหม ซึ่งก็รับซื้อหมดตั้งแต่ทองคำ ฟันทอง ต่างหู ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ กระทั่งจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์
พอซื้อของได้เต็มคันรถ เขาก็ตีรถกลับ แต่ก็อาจแวะเมืองระหว่างทางที่เขาเห็นว่ามีคนที่สนใจซื้อของเก่าด้วยเหมือนกัน ก็เอาไปเสนอขายก่อนเพื่อจะได้ทำกำไรส่วนหนึ่ง พอกลับถึงบ้านโป่งศรี แม่เลี้ยงเขาก็จะมาดูว่าได้อะไรมาบ้าง ถ้าแม่เลี้ยงสนใจ แม่เลี้ยงก็จะหักจากหนี้ที่ให้กู้มา แล้วแม่เลี้ยงก็เอาของที่ได้ไปวางขาย
เวลาผมจะหาของเก่า ที่แรกๆ ที่จะไปก็คือบ้านโป่งศรีนี่แหละ แต่แน่นอน ราคาเขาอาจจะสูงกว่าที่ผมตระเวนไปหาตามบ้านเอง แต่อย่างน้อยมันก็ถูกคัดเลือกมาดีแล้ว
พอใกล้ๆ เกษียณจากงานการไฟฟ้า ความที่ผมได้คุมงานต่อสายไฟฟ้าเข้าตลาดไนท์บาซาร์ที่เทศบาลสร้าง เขาก็เลยถามผมว่าสนใจจะเซ้งล็อคสักล็อคเพื่อขายของไหม ผมก็ว่าดี เพราะมีของเก่าสะสมอยู่เยอะ และเผื่ออนาคตลูกผมอาจจะขายของอย่างอื่นด้วย ก็เลยตัดสินใจเซ้ง
ผมขายของเก่าที่ไนท์บาซาร์ตั้งแต่ปี 2545 ขายหลายอย่างมาก ตะเกียงเจ้าพายุ งาช้าง โปสเตอร์หนัง นาฬิกาทำมือ แผ่นเสียง และอื่นๆ สมัยที่ผมขายที่นั่น ไนท์บาซาร์ได้รับความนิยมอย่างมาก เหมือนเป็นแหล่งพักผ่อนของคนพิษณุโลกตอนเย็น วัยรุ่นมาซื้อเสื้อผ้า คนวัยทำงานมาหาอะไรกิน รวมถึงคนเล่นของเก่า ก็มารวมตัวกันที่นี่ เรียกว่าขายได้เรื่อยๆ เป็นรายได้เสริมที่ดีเลย จนราวๆ ปี 2561 ผมเกษียณจากราชการมาได้พักใหญ่แล้ว และรู้สึกอิ่มตัว เลยปล่อยล็อคให้เขาเช่า
ทุกวันนี้ก็ยังสะสมของเก่าอยู่ แต่ก็เก็บไว้ที่บ้าน ก็จะมีทั้งลูกค้าขาประจำและขาจรที่ได้รับการบอกต่อ เขาก็โทรมาถามเลยว่าช่วงนี้ผมมีอะไรบ้าง ถ้ามีอย่างที่เขาอยากได้ เขาก็ขับรถแวะมาดู
มันเพลินดีครับ เพราะไม่เพียงจะได้เรียนรู้เรื่องราวที่เชื่อมโยงกับของชิ้นนั้นๆ ที่เราสะสม ถ้าคุณมีหัวศิลปะด้วย การสะสมของเก่าจะกลายเป็นความสนุก ไหบางใบที่รูปทรงบิดเบี้ยว คนอื่นอาจมองว่ามันใช้งานไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ แต่คนเล่นของเก่าเขาจะมองว่ามันสวยงามจากความผิดพลาดระหว่างเผา แถมยังมีแค่ใบเดียวด้วย มันก็มีค่าขึ้นมา หรือพวกงานกลึงไม้ งานแกะสลักเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำจากมือและไม่มีคนทำแล้ว พอได้เป็นเจ้าของ ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างมีคุณค่าทางใจ”
ธัมมรส พลายมณี
ข้าราชการเกษียณและนักสะสมของเก่า
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…