“ตอนหนุ่มๆ ผมเป็นช่างกลึงในอู่ซ่อมรถ แต่มีความฝันมาตลอดว่าอยากขับรถม้า พอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งเลยซื้อม้ามาเลี้ยงก่อน จำได้ว่าซื้อมาตัวละ 900 บาท สมัยสัก 50 ปีก่อน ลำปางยังมีรถไม่เยอะ เลยมีคนเอาม้ามาขี่เล่นกลางถนน ผมก็เอามาขี่เล่นด้วย ทำความคุ้นเคยกับมันไป จากนั้นก็ไปเรียนวิธีการขับรถม้าจากคนที่ขับมาก่อน จนลูกชายขึ้น ม.1 ผมจึงตัดสินใจลาออก แล้วหันมาขับรถม้าเต็มตัว
สมัยนั้นรถม้าในลำปางเป็นที่นิยมมาก มีคนขับในเมือง 300 กว่าคัน ช่วงที่ผมหัดขี่ม้าใหม่ๆ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เปิดเมืองโบราณที่สมุทรปราการในปี 2515 เธอก็มากว้านซื้อรถม้าไปที่นั่น 200 กว่าคัน ไปทั้งรถ ทั้งม้า และสารถี พอรถม้าหายไปเยอะ ก็เลยเป็นโอกาสให้คนขับรถม้ารุ่นใหม่ๆ มาแทนที่ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น วันๆ นึงผมวิ่งได้ 4 รอบ รอบใหญ่จะได้เงิน 30 บาท เฉลี่ยได้ประมาณ 120-150 บาท ซึ่งดีเลยนะตอนนั้น ก็ขับรถม้าเลี้ยงครอบครัวและส่งลูกเรียนหนังสือได้
พอขับนานๆ ไป ผมก็เลยคุ้นเคยกับนิสัยของม้า เหมือนเป็นไปเองแล้ว ผมมักใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจบุคลิกของม้าแต่ละตัว นั่นทำให้ผมได้งานรับฝึกม้าก็เริ่มฝึกให้คนในลำปางก่อน จากนั้นมีเศรษฐีคนหนึ่งอยู่มาเลเซียเขาซื้อม้าพันธุ์ดีมาตัวหนึ่ง แต่มันพยศมาก เขาพยายามจะเอารถไปเทียม มันถีบพังหมด เขาก็จ้างผมไปอยู่ที่มาเลเซีย ผมก็ค่อยๆ ฝึกไป ใช้เวลาเดือนเศษๆ ก็เข้าที่
ม้าจะมีอายุเฉลี่ย 25-30 ปี เราจะเริ่มฝึกขี่ม้าตอนเขาอายุ 2 ปี จากนั้นพออายุราว 2 ปีครึ่งก็ค่อยฝึกกับรถม้า ถ้าเทียบกับอายุคนก็คูน 4 เข้าไป จะเท่ากับเด็กอายุ 8 ขวบ ถ้าฝึกให้มาขับรถม้า ก็จะพาเขาไปขี่ในเส้นทางในเมือง ให้เขาจดจำเส้นทาง และดูว่าม้าแต่ละตัวมีบุคลิกยังไง บางตัวไม่ยอมเข้าทางแคบ บางตัวก็กลัวเสียงพลุ หรือบางตัวไม่วิ่งกลางคืนเลย เพราะตกใจที่มีแสงลอดใต้เท้าทำให้เขาเห็นเงาตัวเอง ปกติจะใช้เวลาฝึกอย่างน้อยหนึ่งปี แต่ผมจะรับฝึกอยู่ที่ประมาณหนึ่งเดือน จากนั้นก็ให้เจ้าของมาทดลองขับต่อ ก็เหมือนขับรถล่ะครับ คุณมาเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถประมาณหนึ่งเดือนเพื่อเรียนรู้ทักษะเบื้องต้น หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะขับรถคันนี้ยังไง
ผมขับรถม้ามาสามสิบกว่าปีแล้ว ผ่านม้ามาเกือบ 100 ตัว เจออุบัติเหตุมาแทบทุกรูปแบบ เคยเจอกระทั่งคนเมาขับรถมาชนม้าเราตาย ซึ่งผมเสียใจมากๆ ผมเคยเลี้ยงพร้อมกันมากสุดประมาณ 10 ตัว แต่ตอนนี้มีอยู่ 4 ตัว ชื่อจูมง รัษฎา สงกรานต์ และใหม่ ช่วงปี 2560 จู่ๆ ผมก็มีอาการเส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายครึ่งซีกขยับไม่ได้ บั้ม (สุพจน์ ใจรวมกูล) ลูกชายต้องออกจากงานมาช่วยดูแล และมาขับรถม้าแทน ก็ได้เขานี่แหละที่พาผมไปหาหมอ และใช้เจ้าจูมงที่เป็นม้าที่คุ้นเคยกับผมมากที่สุดมาเป็นหมอทำอาชาบำบัด เขารู้ว่าผมรักม้า เลยคิดว่าการรักษาด้วยวิธีการนี้น่าจะได้ผล ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ ร่างกายผมค่อยๆ ฟื้นฟูจนกลับมาขับรถม้าได้อีกครั้ง บั้มเสียสละมากทีเดียว ซึ่งทุกวันนี้เขาก็กลายเป็นกำลังหลักของครอบครัว ขับรถม้า และทำกิจกรรมนั่นนี่เกี่ยวกับม้าเพื่อหาเงินเข้าบ้าน
ทำไมผมจึงรักม้าหรอครับ ไม่รู้เหมือนกัน อาจเพราะเป็นคนลำปางและเห็นม้ามาตั้งแต่เด็กเลยผูกพัน อย่างวันไหนว่างๆ ไม่ได้ขับรถม้า ผมก็จะนั่งเล่นบนรถม้า หรือตอนที่ป่วยหนักๆ ผมก็ขอให้บั้มพาผมไปให้อาหารพวกมัน ตัวเองก็ป่วยนะ แต่อดห่วงไม่ได้ ม้าคือชีวิตของผม ไม่มีม้า ผมก็อาจไม่มีอาชีพ ไม่มีครอบครัวที่ดีอย่างวันนี้”
ประจักษ์ ใจรวมกูล
คนขับรถม้าอาวุโสชาวลำปาง