“พี่กับสามีเริ่มทำสวนนนดาปี 2548 เนื่องจากเราเป็นข้าราชการทั้งคู่ ก็เลยจะมีเวลาทำสวนแห่งนี้เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ จึงเรียกกันเล่นๆ ว่าสวนวันหยุด ทำไปได้สักพัก สามีพี่ตัดสินใจลาออกจากราชการมาทำสวนเต็มตัว ส่วนพี่เพิ่งออกมาเมื่อเดือนเมษายน 2565 นี้เอง
เราทำเกษตรปลอดสารและสวนสมุนไพร เพราะเห็นว่าสองสิ่งนี้คือขุมสมบัติดีๆ นี่เอง ไม่ได้หมายถึงว่าสวนนี้เป็นแหล่งธุรกิจจริงจังอะไร แต่ทั้งราก ทั้งใบ หรือผลของต้นไม้ที่เราปลูก เราสามารถนำไปกินหรือไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้หมด จึงมองว่านี่แหละสมบัติที่เรามีกินไม่มีวันหมด
นอกจากผักและผลไม้ที่ได้โดยตรงจากสวน สามีพี่ (สุทัศน์ เรืองงาม) ปลูกม่อนเอาลูกม่อนไปขาย และไปหมักทำไวน์ ส่วนพี่สนใจเรื่องการทำสบู่ เพราะมีโอกาสได้เรียนรู้จากครูหลายคน (พี่สมบูรณ์เคยเป็นข้าราชการประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยา – ผู้เรียบเรียง) รวมถึงเรียนจากในอินเทอร์เน็ต ก็เลยทดลองใช้สมุนไพรในสวนอย่างอบเชย ใบเตย ฟักข้าว หรือใบย่านางมาทำเป็นสบู่สมุนไพร หรือผลไม้รสเปรี้ยวอย่างมะนาวหรือมะม่วงหิมพานต์ ก็นำมาหมักทำน้ำยาล้างจานได้ และทั้งหมดทั้งมวล วัตถุดิบเหล่านี้เรายังไปประกอบอาหารเป็นกับข้าวรับแขกที่มาในสวนได้
ก็ทำขายคุณครู เพื่อนๆ หรือคนรู้จักก่อนค่ะ หลังๆ ก็มีคนมาซื้อถึงในสวน จนทางมหาวิทยาลัยพะเยาทำโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ เขาก็มาชวนพี่เข้าร่วมโครงการ เปิดเป็นพื้นที่การเรียนรู้ของเมืองได้
พี่เป็นวิทยากรสอนทำสบู่สมุนไพรและน้ำยาล้างจานให้โครงการ เปิดสอนตั้งแต่ตอนยังไม่ออกจากราชการเลยนะ จึงสอนได้เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ทางโครงการก็เปิดรับสมัครคนมาเรียน มีตั้งแต่ นักศึกษามหาวิทยาลัย คนวัยทำงาน ไปจนถึงวัยเกษียณ
รู้สึกว่าสิ่งนี้เติมเต็มชีวิตนะ เพราะแม้เราจะทำงานในสำนักงานด้านการศึกษา แต่ก็ไม่ได้สอนใครมาก่อน ที่สำคัญคือสอนในสิ่งที่ผู้เรียนสามารถเอาไปต่อดยอดเป็นอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้อีก รวมถึงทำให้คนอื่นๆ ได้ทราบว่าผลหมากรากไม้ใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม มีประโยชน์มากกว่าที่เราคุ้นเคยอีกเยอะ อย่างที่บอกว่าถ้าเรามีที่ดิน ให้เวลากับมันฟูมฟัก ทำเกษตรปลอดสารเคมี และเรียนรู้ไปกับมัน ที่ดินที่เรามีก็จะกลายเป็นสมบัติให้เรามีกินได้ไม่รู้จักหมด”
สมบูรณ์ เรืองงาม
สวนนนดา
https://www.facebook.com/suannonnada/