“ผมทำงานบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) เป็นทีมทำงานของอาจารย์สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ปีนี้เข้าปีที่ 27 ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนสมาร์ทฟาร์มและทำเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้บริษัทอีกแห่งที่ผมเป็นซีอีโอด้วย กระทั่งในปี 2563 ขอนแก่นได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 จังหวัดแรกของประเทศในการขับเคลื่อนเป็นสมาร์ทซิตี้ โดยบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์จังหวัด แผนที่ 3 ความที่ผมทำงานกับอาจารย์สุรเดชอยู่แล้ว เลยได้รับมอบหมายให้มาเป็นผู้จัดการฝ่ายโครงการเมืองอัจฉริยะ บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด
หน้าที่หลักคือการประสานกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการนำกรอบสมาร์ทซิตี้มาพัฒนาเมืองขอนแก่น รวมถึงจัดเสวนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคการศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งก็เป็นการต่อยอดมาจากโครงการมูลนิธิชุดขอนแก่นชุมชนทศวรรษหน้า แล้วก็มีการร่วมกันกำหนดกรอบการพัฒนาเมืองร่วมกันโดยพิจารณาจากต้นทุนและข้อท้าทายของเมือง จนเกิดเป็น Mobility หรือเมืองศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาคกลุ่มลุ่มน้ำโขง MICE City เมืองแห่งการประชุมของภาคอีสาน และ Medical & Healthcare เมืองศูนย์กลางการบริการการแพทย์และสุขภาพของภูมิภาคกลุ่มลุ่มน้ำโขง
พอกำหนดทิศทางแล้ว ก็เริ่มมีการขับเคลื่อนในแต่ภาคส่วนไป เช่น ขอนแก่นพัฒนาเมืองก็สนับสนุนภาคเอกชนที่สนใจทำเรื่องการพัฒนาเมือง หรือทางกลุ่มมิตรผลก็นำตึกของโรงแรมโฆษะเดิมมารีโนเวทเป็นอาคารนวัตกรรม (Innovation Center) รวมถึงมีการทำวิจัยต่างๆ โดยเฉพาะโครงการขนส่งมวลชนรถไฟรางเบาเมืองขอนแก่น (LRT)
โดยเมื่อบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด ได้รับสนับสนุนงบประมาณโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้จาก บพท. ด้วยทางบริษัทเห็นว่ากรอบดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนขอนแก่นเป็นสมาร์ทซิตี้ ผมจึงได้รับมอบหมายให้เป็นนักวิจัยร่วมของโครงการนี้ด้วยเช่นกัน
ในเฟสแรกของโครงการ ทีมวิจัยเห็นตรงกันว่า เราต้องมีหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองขอนแก่นอย่างรอบด้าน เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการสร้างพลเมืองมาขับเคลื่อนการพัฒนา เราแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มประชาชนทั่วไปและข้าราชการ และกลุ่มนักพัฒนาเมือง และเราก็ออกแบบหลักสูตรที่ครอบคลุมตั้งแต่ประวัติเมือง การเติบโตของเมือง การเคลื่อนย้าย ไปจนถึงความเป็นอยู่ในปัจจุบัน และก็ชวนกลุ่มต่างๆ มาทำกิจกรรม
อาทิ กลุ่มเด็กและเยาวชน เราใช้เวลาหนึ่งวันในการจัดฐานการเรียนรู้และทัศนศึกษาในพื้นที่ อาทิ โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ รวมถึงชุมชนสำคัญๆ ต่างๆ กลุ่มที่สอง (ประชาชนทั่วไป) เราใช้เครื่องมือในการถอดบทเรียนและเก็บเป็นข้อมูลการเรียนรู้ของเมือง รวมถึงชักชวนตัวแทนจากราชการมาพิจารณาถึงกฎระเบียบที่เมืองมีอยู่ และหารือถึงการพัฒนาระเบียบเหล่านั้นให้ตอบโจทย์การพัฒนาเมือง และกลุ่มสุดท้าย (นักพัฒนาเมือง) เราโฟกัสไปที่การสร้างความรู้เรื่องสมาร์ทซิตี้โดยตรง
พร้อมกันนั้นเราก็บันทึกวิดีโอกิจกรรมทั้งหมด รวมถึงการนำเสนอข้อคิดเรื่องการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเมืองของ นายกเทศมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. และ key persons ท่านต่างๆ บวกรวมกับงานเสวนาต่างๆ มาตัดต่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์และสื่อการเรียนรู้ด้านพัฒนาเมือง
ส่วนโครงการเฟสที่สอง เรามาโฟกัสเรื่องดิจิทัลและ metaverse มากขึ้น โดยเราร่วมกับ บริษัท อินฟินิทแลนด์ จำกัด ทำโทเคนแลกเปลี่ยนของเมืองที่เราเรียกว่า KGO wallet มอบให้ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมกับเรา และสามารถนำเจ้านี้ไปใช้เป็นส่วนลดของร้านคาที่ร่วมกับเรา เรามองว่าโทเคนในรูปแบบเหรียญ KGO นี้เป็นทั้งสิ่งดึงดูดให้คนมาร่วมกิจกรรม เท่าๆ กับการสร้างการเรียนรู้ด้านสมาร์ทซิตี้ไปพร้อมกัน ซึ่งตอนนี้มีคนขอนแก่นที่ใช้โทเคนนี้ราว 7,000 คน และมีร้านค้าที่ร่วมโครงการกว่า 600 แห่ง โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีการนำโทเคนนี้ไปใช้แลกกับการเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัย โดยโทเคนก็สามารถไปเป็นส่วนลดอาหาร เครื่องดื่ม หรือร้านค้าในมหาวิทยาลัยได้
ล่าสุดทางเทศบาลนครนครสวรรค์ เขาให้ความสนใจแพลตฟอร์มตัวนี้ ก็มาคุยกับเราถึง 2 รอบ ในการนำแพลตฟอร์มตัวนี้ไปใช้กับจังหวัดของเขา รวมถึงที่ระยองและเชียงใหม่ ซึ่งล้วนมีเครือข่ายการพัฒนาเมืองที่เข้มแข้งและมีวิสัยทัศน์
สำหรับเนื้อหาด้านการเรียนรู้ในโครงการ นอกจากเรื่องปูมเมืองอย่างที่บอกไปในเฟสแรก ก็ยังรวมถึงการสร้างความรับรู้เรื่องขนส่งมวลชนใหม่อย่าง LRT ซึ่งเรายังมีโมเดลในการผลิตโครงสร้างรถไฟและบริหารจัดการทั้งหมดจากภายในขอนแก่นเองเพื่อกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในจังหวัด การฟื้นฟูย่านเมืองเก่า และย่านเศรษฐกิจอย่างศรีจันทร์ ย่านรื่นรมย์ หรือ บขส. 1 รวมถึงการทำสมาร์ทฟาร์ม และการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรปลอดสารเคมี เป็นต้น
จริงอยู่ จากโครงการที่เล่ามาส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น แต่ที่ผ่านมา เราก็ได้ขยายไปทำกิจกรรมในอำเภอต่างๆ โดยเน้นไปที่การพัฒนาการท่องเที่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร เช่นในอำเภอชุมแพ สีชมพู และภูผาม่าน แล้ว ซึ่งในอนาคต เราตั้งใจจะขับเคลื่อนเรื่องสมาร์ทซิตี้และพื้นที่เรียนรู้ให้ครอบคลุมทั้ง 26 อำเภอของจังหวัด เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาไม่ควรกระจุกตัวอยู่แค่จุดใดจุดหนึ่ง เช่นที่เราเริ่มที่ตัวเมืองขอนแก่นแล้ว อำเภออื่นๆ ก็ต้องได้รับการขับเคลื่อนไปด้วยพร้อมๆ กันเช่นกัน”
สมหมาย แก้ววิเศษ
ผู้จัดการฝ่ายโครงการเมืองอัจฉริยะ บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด
และนักวิจัยโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ขอนแก่น