“สำหรับเรา ปากเกร็ดเป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาพใหญ่ได้ดี
เรามาอยู่ที่นี่เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นเมืองยังไม่พลุกพล่าน สงบ อากาศดี และผู้คนในชุมชนก็รู้จักกันหมด เป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่พอเมืองขยายขึ้น สิ่งที่ตามมาคือมลภาวะอย่าง PM 2.5 ปัญหาขยะ หรือน้ำขังแบบเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งเมื่อเมืองยิ่งขยาย ก็ยิ่งเห็นชัดว่าปัญหาโลกร้อน หรือโลกรวนเนี่ย เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และที่สำคัญ มันมีท่าทีที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ หาได้ทุเลาลงเลย
เราชื่นชมความตั้งใจของเทศบาลนครปากเกร็ดในการดูแลประชาชน คือปัญหานี้เป็นกันทุกเมืองและทุกประเทศ แต่เทศบาลเราเขาก็พยายามทำแผนไว้ตั้งรับ ตั้งแต่การตั้งจุดเฝ้าระวัง มีเครื่องตรวจจับปริมาณฝุ่นควันและระดับน้ำ การพัฒนาสาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียว รวมถึงการร่วมมือกับนักวิจัยในการสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยกระตุ้นความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาตั้งแต่เยาวชน ซึ่งข้อหลังนี้ช่วยบรรเทาปัญหาตั้งแต่ต้นทาง เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ตระหนักในปัญหา เขาก็พยายามจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม อีกข้อดีที่เราคิดว่าปากเกร็ดยังคงเป็นเมืองที่น่าอยู่คือ ถึงแม้เมืองเราจะขยายไปมาก แต่ก็ยังรักษาเสน่ห์ความเป็นชุมชนเมืองได้อยู่ ในชุมชนเราเองก็ยังมีความเป็นเพื่อนบ้านที่เอื้ออาทรต่อกัน รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเมืองหรือประเพณีต่าง ๆ ไม่ว่าจะลอยกระทง งานปักสไบมอญ และอื่น ๆ
เรารู้สึกภูมิใจที่อย่างน้อยปากเกร็ดก็ยังมีรากวัฒนธรรมที่ยังคงสืบสานกันอยู่ ถึงเราไม่ใช่คนดั้งเดิม ไม่ได้มีเชื้อสายมอญ แต่เราก็รู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในวัฒนธรรมของท้องถิ่น นี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ปากเกร็ดเป็นเมืองน่าอยู่”
#เทศบาลนครปากเกร็ด #CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #PMUA #บพท #Wecitizens