CITY ON THE MOVE :
สถาบันพัฒนาเมือง มิติใหม่งานพัฒนาเมือง
บรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด

Start
5 views
14 mins read

“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา  

วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท. ในเรื่องการพัฒนาเมืองในเชิงพื้นที่ด้วยนวัตกรรม องค์ความรู้ และวิชาการ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สําคัญของการพัฒนาเมืองที่พวกเราช่วยกัน 

สำหรับในหัวข้อการประชุมวันนี้ –  ‘เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคต เมืองน่าอยู่’ ถือได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะในมุมมองผู้นําท้องถิ่น แม้เราจะยังสามารถขับเคลื่อนเมืองของเราไปได้ แต่จุดอ่อนที่ผ่านมา คือ ต้องยอมรับว่าฝ่ายการเมือง ขาดการวิจัย ขาดองค์ความรู้
ขาดภาคสถาบันที่เข้ามาช่วยในการเติมเต็ม หรือเชื่อมโยงโอกาสใหม่ๆ เกิดภาวะต่างคนต่างอยู่ ต่างคน ต่างทําหน้าที่ของตัวเอง วันนี้จึงเป็นนิมิตหมายใหม่ ของการบูรณาการความร่วมมือ ทั้งจากท้องถิ่น บพท. และสถาบันการศึกษา จากปีที่แล้วที่เราเริ่มทำงานด้วยกันกับ 18 เมืองตั้งต้น วันนี้ก็จะถามความสมัครใจของเจ้าของพื้นที่ หรือผู้นําเมืองแต่ละแห่ง  ซึ่งผมก็หวังว่าพวกเราหลายเมืองก็จะพร้อม เข้าร่วมในงานวิจัยพัฒนาพื้นที่ของเราเอง ร่วมกับสถาบันการศึกษา โดยให้ทุกท่านผู้บริหารท้องถิ่นเป็นคนกำหนดโจทย์ ภายใต้ข้อมูล และข้อเท็จจริงทําให้ทิศทางการเดินของท้องถิ่นนั้น มีเป้าหมายที่ชัดเจน
มีหลักวิชาการรองรับ และมีการวิจัยมีข้อมูลที่ถูกต้อง 

ในโครงการระยะที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2568 ซึ่งจะขยายผลออกไปจากเมืองเดิม ผมอยากเชิญชวนทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่าที่ไหนที่มีความพร้อม และเห็นว่าทิศทางมีโอกาสในการที่จะ แก้ไขปัญหาของพื้นที่ของตัวเอง และเชื่อว่าความร่วมมือที่เรากำลังร่วมทำกันตอนนี้กับส่วนของนักวิจัย สถาบันการศึกษา ภาคองค์ความรู้ที่มี ความรู้เข้าไปช่วยบริหารจัดการในเชิงพื้นที่ ตอบโจทย์ได้ก็ขอช่วยกันติดตามกันเข้ามาร่วมทำงาน และยกระดับไปพร้อมกัน 

ก้าวต่อไปที่เราคาดหวัง คือเราจะมี ‘สถาบันพัฒนาเมือง’ เป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่าง สมาคมฯ ร่วมกับ บพท. และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นคณะทำงานศูนย์กลางในการที่จะเชื่อมโยงความร่วมมือต่อยอดเป็น ศูนย์การเรียนรู้ที่มีต้นแบบมีวิทยาการ  มีการถอดบทเรียน มีแนวทางปฏิบัติการที่สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้เลย หรือในส่วนงานที่เราต้องการให้ภาคเอกชนเข้าความร่วมมือตัวสถาบันพัฒนาเมืองหรือศูนย์ตัวนี้ก็ช่วยพวกเราได้ตรงนี้ 

ผมคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยทําให้เราสามารถขับเคลื่อนท้องถิ่นของเรา และประเทศไทยให้เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และผมเชื่อว่าทุกพื้นที่ผู้นําท้องถิ่นและประชาชนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างเมืองที่อยู่ดี และมีสุข วันนี้ ขอขอบพระคุณทาง บพท. ที่เห็นความสําคัญของพื้นที่ทั่วประเทศว่าเป็นหัวใจสําคัญในงานที่จะเปิด เมือง แล้วเราพร้อมที่จะเปลี่ยนเมืองไปสู่อนาคตเมืองที่น่าอยู่ คาดหวังว่าสถาบันพัฒนาเมือง สถาบันแห่งการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยน จะเป็นศูนย์กลางในการสนับสนุนให้ทุกเมืองเติบโตไปพร้อม ๆกัน โดยมีท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาควิชา เข้ามาช่วยกันเติมเต็มและต่อยอด เพื่อให้คนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชน พี่น้องของเราที่กระจายทั่วภูมิภาคประเทศไทย ได้ดูแลและพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง เป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่กำลังไปสู่เป้าหมายของการเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด”

#โปรแกรมการบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #สมาคมเทศบาลนครและเมือง #เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #pmua #ciap #wecitizens #thecityleaders