เมื่อความเสี่ยงจากภัยพิบัติกลายมาเป็นต้นทุนของเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด
จริงอยู่ที่การเป็นเมืองติดแม่น้ำซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงด้านอุทกภัยจะดูไกลห่างจากความเป็น “เมืองน่าอยู่” กระนั้น เทศบาลนครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ก็นำสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นจุดด้อย แปรเปลี่ยนเป็นต้นทุนสำคัญในการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาด
โครงการบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด และการพัฒนาความเป็นเลิศในการบริหารจัดการความเสี่ยงอุทกภัย เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครปากเกร็ดและบพท. ในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเมือง (City Data Report) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเมือง รวมถึงพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในเขตเทศบาลนครปากเกร็ด
โครงการดังกล่าวเริ่มต้นจากโจทย์หลักที่เทศบาลฯ โดย วิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรี ต้องการยกระดับประสิทธิภาพในการรับมือปัญหาน้ำท่วม อันเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้คนในเขตเทศบาลฯ มองเห็นตรงกัน ซึ่งสอดรับกับที่ รศ. ดร.สมพร คุณวิชิต อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านการจัดการภัยพิบัติในระดับเมือง ตระหนักในศักยภาพของเมืองปากเกร็ดในการเป็น Resilient City (เมืองที่มีความพร้อมต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง) รวมถึงการเป็นเมืองต้นแบบในการรับมือกับภัยพิบัติ จึงร่วมมือกันทำวิจัยในกรอบของเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ผ่านการสนับสนุนของ บพท.
“ปากเกร็ดเป็นเมืองที่มีความพร้อมในสาธารณูปโภค พื้นที่เพื่อการผ่อนคลาย และเศรษฐกิจที่ดีอยู่แล้ว หากเราสามารถทำให้ประชาชนวางใจว่าเมืองจะปลอดพ้นจากปัญหาน้ำท่วม หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ สิ่งนี้จะช่วยเสริมภาพของเมืองน่าอยู่โดยสมบูรณ์ และแน่นอน การหนุนเสริมในด้านนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกวิถีชีวิตของผู้คน ก็จะทำให้ปากเกร็ดเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดไปพร้อมกัน” วิชัย บรรดาศักด์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด กล่าว
โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ ประกอบไปด้วยการจัดตั้งโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (CIAP) การสำรวจข้อมูลเมือง (City Scan) การจัดทำโครงสร้างข้อมูลเมือง (City Data Infrastructure) และการส่งเสริมการลงทุนระดับพื้นที่ นอกจากนี้ โครงการยังเน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านการจัดเวทีสาธารณะเพื่อรวบรวมความคิดเห็น (แนวทางวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม)
ในส่วนของผลลัพธ์ของงานวิจัยจะปรากฏในรูปแบบของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์พื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น
· City Digital Data Platform (CDDP) หรือระบบฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาเมือง
· LINE OA Pakkret Connect ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติสำหรับประชาชนที่ได้รับการยกระดับฟังก์ชันแบบเรียลไทม์ และเปิดให้ประชาชนแจ้งข่าวสารอย่างทันท่วงที
· Climate Change & Disaster Learning Platform แพลตฟอร์มการเรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ โดยนำร่องที่กลุ่มนักเรียนในโรงเรียนสังกัดของเทศบาลฯ· โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและประชาชน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยี
และที่สำคัญคือการจัดเวทีภาคประชาชนเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง “ต้นแบบเมืองที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงอุทกภัย” ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความเป็นเมืองน่าอยู่และน่าลงทุน
“แม้โจทย์ของเราคือการพัฒนาแผนและเครื่องมือเสริมศักยภาพการรับมือกับภัยพิบัติที่ทางเทศบาลฯ ได้ริเริ่มไว้ดีอยู่แล้ว แต่หัวใจสำคัญอีกเรื่องที่เราคาดหวังจากงานวิจัยนี้ คือการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการกำหนดทิศทางและแผนการพัฒนาเมืองร่วมกับเทศบาลฯ ซึ่งหากกระบวนการนี้สำเร็จ นี่ต่างหากที่จะเป็นผลลัพธ์ของการทำให้ปากเกร็ดเป็นเมืองน่าอยู่อย่างแท้จริง” รศ. ดร.สมพร กล่าว
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อจัดตั้งโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIA) ระดับพื้นที่
2. หนุนเสริมกิจกรรมการสำรวจเมือง (City Scan) การจัดตั้งกลไกในพื้นที่ (City Charter) และการจัดทำ City Data Infrastructure
3. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนระดับพื้นที่
4. เพื่อจัดทำแผนพัฒนาเมืองของเทศบาลนครปากเกร็ด เพื่อมุ่งสู่ “ต้นแบบเมืองที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหาร จัดการความเสี่ยงอุทกภัย”
5. เพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสำคัญของเมือง (City Solution) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการยกระดับ การบริหารจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมร่วมกับโครงการกลาง โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด
#เทศบาลนครปากเกร็ด #CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #PMUA #บพท #Wecitizens
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…