“โรงเรียนหลายแห่งในบ้านเราอาจมีพิพิธภัณฑ์ แต่มีโรงเรียนไม่กี่แห่งที่ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีชมรมโบราณคดีที่มีเด็กนักเรียนคอยช่วยดูแลพร้อมกับนำชมพิพิธภัณฑ์ และทำกิจกรรมด้านโบราณคดีในจังหวัด อย่างโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี ชมรมนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 36 ปีก่อน โดยอาจารย์ธำรง เตียงทอง มีชื่อเดิมว่าชมรมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ท่านมองเห็นว่าราชบุรีเป็นเมืองที่มีพื้นที่สำคัญทั้งในยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ จึงอยากปลูกฝังให้นักเรียนได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมือง แล้วอาจารย์ท่านก็เริ่มสะสมวัตถุโบราณต่างๆ พร้อมกับมีชาวบ้าน และหน่วยงานต่างๆ นำมาบริจาคด้วย พออาจารย์ท่านเกษียณ ท่านก็เปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ (เบญจมราชูทิศพิพิธภัณฑ์)จริงๆ…
“บ้านหลังนี้ก็อยู่มาตั้งแต่เกิด แต่ก่อนเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น แล้วบ้านผุ เลยยกบ้านเก่าออกแล้วทำบ้านใหม่ ตอนนี้เป็นตึก 2 ชั้น ประมาณ 80 ปี เมื่อก่อนมี 3 ห้อง ตอนนี้มี 2 ห้อง ประตูบ้านเป็นไม้ แล้วพี่สาวอยากได้ประตูใหม่…
“ขลุงเป็นเมืองที่สงบ ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่แตกแยก คือก็มีแหละ แต่ไม่ขัดแย้งกันมากนัก เพราะเรามีบรรพบุรุษที่เป็นโรงเรียนศรีหฤทัยซึ่งปีนี้ก็ครบ 75 ปี (สถาปนาโรงเรียนวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2490) ก็หลอมรวมคนคริสต์ พุทธ คนที่อยู่ในตลาด 30% คนนอกอีกประมาณ 60% ทั้งไร่หนองบอน…
“ที่สวนลุงต้อยนี่ หน้าผลไม้มา ผมรับเฉพาะเสาร์อาทิตย์ กินฟรีหมด คุณจะซื้อกลับหรือไม่ซื้อกลับไม่เป็นไร อยากให้มาชิมทุเรียนแปลกๆ ของผมเป็นแปลงทุเรียนโบราณ ปีนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 15 สายพันธุ์ และผมรวบรวมสายพันธุ์ทุเรียนไว้ ทั้งหมดตอนนี้มี 52 พันธุ์ ทำให้กับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงให้ที่นี่เป็นแปลงรวบรวมของเกษตรกรจริงๆ แล้วในสวนผมเป็นต้นแม่ที่ไปหายอดมาปลูก ไม่ได้เพาะเม็ด…
“จุดเด่นของตะปอนคือความเก่าแก่ของวัฒนธรรมประเพณีที่มีคุณค่ากับชุมชนเรา อย่างประเพณีแห่เกวียนพระบาท มีแต่ที่บ้านเรา ที่อื่นไม่มี เป็นเรื่องเล่ากันมาว่า สมัยโบราณที่มีโรคห่าระบาด ชาวบ้านมาปรึกษาท่านพ่อเพชร (หลวงพ่อเพชร อินฺทฺปญฺโญ เจ้าคณะและอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิธาราม (วัดตะปอนใหญ่)) ท่านเลยให้เอาผ้าพระบาท (ผ้าเขียนรอยพระบาทจำลองสี่รอยซ้อนกัน) ที่วัดตะปอนน้อย อายุประมาณ 400 กว่าปี อัญเชิญมาจากวัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี มาลองแห่ดูเพื่อช่วยปัดเป่าให้ชาวบ้าน…
“ผมคิดทำศูนย์เรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์มานานแล้ว เพราะได้เรียนรู้จากหลายๆ แหล่ง ก็อยากมาทำที่บ้านผม รวมหมดทุกอย่างที่จุดนี้ ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เรามีเครือข่าย อยากมีความรู้ด้านไหนก็แจ้งมา ด้านการเกษตร ปลูกผัก ปลูกพืช ขยายพันธุ์พืชด้านการตอน การเสียบยอด เลี้ยงไส้เดือน เลี้ยงไก่ ปั้นกระถาง ทำถ่านอัดแท่ง ผมทำบ้านต้นไม้ไว้ 3 หลัง…
“พื้นที่ของขลุงมี 3 พื้นที่ เดิมทีคนไทยเราอยู่ตามริมคลองขลุง ตั้งแต่ถนนสุขุมวิทไล่มาจนถึงแยกบ้านขลุง รีสอร์ท ชุมชนคนจีนอยู่ในตลาด คนเวียดนามอยู่โซนบ้านล่าง ซึ่งแต่ก่อนเขากีดกันกันหมด คนเวียดนามไม่มีน้ำจืดกิน ต้องเดินมาตักน้ำ ไม่แลกปลากุ้ง เลยทำให้วัฒนธรรมความผูกพันมีก็จริงแต่ไม่ได้ลึกซึ้งนัก ตัวผมเองเข้ามาโครงการพื้นที่เมืองแห่งการเรียนรู้ คือเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่ง แม่ผมเป็นคนขลุงพื้นถิ่นที่นี่ มีเชื้อสายชองมาพัวพันด้วย พ่อผมเป็นลูกจีนกับลูกเวียดนามผสมกัน เป็นคาทอลิก ผมเป็นลูกเสี้ยวละ…
“เดิมอำเภอขลุงมีฐานะเป็น “เมืองขลุง” มีเจ้าเมืองปกครอง จนในสมัยรัชกาลที่ 5 ร.ศ. 128 ขลุงได้รวมกับเมืองทุ่งใหญ่ คือเมืองแสนตุ้ง รวมมาเป็นเมืองขลุง ต่อมารวมเมืองจันทบุรี เมืองระยอง เมืองขลุง เป็นมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า “มณฑลจันทบุรี” มาเป็นได้ปีเดียวก็ยกเลิก ทำให้เรามีศาลหลักเมือง ปกติตามอำเภอจะไม่มีศาลหลักเมือง มีตามจังหวัดเท่านั้น…
“หน่วยงานเกษตรอำเภอขลุงเป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้กรมส่งเสริมการเกษตร มีหน้าที่ทำให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุข ทีนี้อำเภอขลุงเป็นอำเภอใหญ่ ก็เหมาะที่จะทำเป็น Learning City เนื่องจากเกษตรกรที่นี่เก่งมาก และข้อเด่นคือมีหลายจุดเรียนรู้ จุดแรกคือศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ที่ตำบลตะปอน กลุ่มทองใส สมศรี ซึ่งเป็นตัวแทนให้กรมเราได้เวลามีงานถ่ายทอดความรู้และบูรณาการกับหน่วยงานอื่น อีกจุดก็ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ที่ตำบลซึ้ง เป็นตำบลที่มีทุเรียนมาก เป็นทุเรียนพันธุ์กระดุม ซึ่งปลูกก่อนใคร ออกก่อนใคร เขาทำเชื้อไตรโคเดอร์มา…
“ตามความเข้าใจของคน ขลุงคืออำเภอขลุงทั้งหมด แต่จริงๆ คำว่า ขลุง คือส่วนเทศบาลเมืองขลุง อย่างที่เขาพูด ตรงนี้คือตำบลตะปอน ตรงนี้ตำบลซึ้ง เลยไปเป็นตำบลบ่อ เขาจะเรียกตัวเองว่า คนบ่อ เราอยู่ในเมือง ก็คนขลุง ในแต่ละที่การใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน คนในเมืองจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง บ้านล่างกับบ้านบนกั้นที่สามแยก ถ้าบ้านบน (อยู่ตอนบนของเขตเทศบาลเมืองขลุง ย่านตลาดขลุง)…