“พื้นเพของครอบครัวผมเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจ คุณตาของผม สันติ์ เทพมณี เป็นอดีตรัฐมนตรี สส. และ สว. ของจังหวัดลำพูน พ่อของคุณตา – สุข เทพมณี ก็เป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองลำพูน (พ.ศ. 2488-2496) คุณตาท่านโลดแล่นอยู่ในวงการเมืองมายาวนาน
นอกจากงานด้านการเมือง คุณตาและคุณยายยังเป็นนักธุรกิจด้วย บ้านที่ผมอยู่บริเวณหลังวัดพระธาตุหริภุญชัยทุกวันนี้ แต่เดิมคือโรงงานทอผ้าอินทพานิช ซึ่งเป็นของคุณยาย เช่นเดียวกับโรงงานทอผ้าหริภุญชัยที่ตั้งอยู่ที่เวียงยองที่เป็นของคุณตา ทั้งสองแห่งเป็นทั้งโรงงานและโรงเรียนสอนทอผ้าแห่งแรกของเมือง ซึ่งเปิดทำการช่วงปี 2470-2492 หรือก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่าวได้ว่าเป็นธุรกิจที่ช่วยวางรากฐานอุตสาหกรรมการทอผ้าของจังหวัดลำพูน
ทุกวันนี้โรงงานทั้งสองแห่งปิดทำการไปแล้ว ครอบครัวผมก็ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นร้านค้า ขายพวกเครื่องเงินและผ้าไหม ส่วนผมก็ทำตลาดพระเครื่องซึ่งเป็นความสนใจส่วนตัว
อันที่จริง ผมสามารถทำธุรกิจของผมไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ความที่อยู่เมืองนี้มาตั้งแต่เกิด และตระหนักดีว่าเมืองมันจะพัฒนาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเมืองท้องถิ่นและการสร้างความร่วมแรงร่วมใจของประชาชน ผมจึงพยายามมีส่วนร่วมในการทำงานการเมืองมาตลอด โดยเริ่มจากการก่อตั้งสภาเด็กและเยาวชนในปี 2548 ก่อนจะทำงานจิตอาสาด้านการพัฒนาเมืองในนามกลุ่ม ‘ลำพูนพัฒนาเมือง’ ที่ครอบครัวฝั่งแม่ของผมก่อตั้งขึ้นหลายสิบปีก่อน ซึ่งผมทำงานนี้มาร่วมสิบกว่าปีได้แล้ว
จริงอยู่ที่แต่เดิมกลุ่มลำพูนพัฒนาเมืองเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับกลุ่มคุณธรรมของนายกบุ่น (ประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูนคนปัจจุบัน) แต่ผมก็ไม่ได้มองเห็นประโยชน์อะไรที่ต้องขัดแย้งกัน โดยที่ผ่านมา ผมก็พยายามรวมเสียงจากคนรุ่นใหม่สะท้อนไปยังเทศบาลฯ เพื่อช่วยในการกำหนดทิศทางการพัฒนา ผมมองว่าสิ่งที่เทศบาลฯ ขาดอยู่ตอนนี้คือพลังจากคนรุ่นใหม่ มีบ้างที่เขารับฟังเสียงของพวกเรา แต่กับหลายเรื่องที่เขาไม่รับฟัง เราก็ทำในพื้นที่ของเราต่อไป
ผมหวังว่าเมืองลำพูนจะเป็นเมืองแห่งโอกาส ที่คนรุ่นใหม่สามารถใช้ชีวิต และทำงานในบ้านเกิดของเขาโดยมีฐานะที่มั่นคง ผู้สูงอายุก็สามารถอยู่ได้ด้วยสวัสดิการที่ยั่งยืน ทำให้ลำพูนเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับคนทุกวัยอย่างแท้จริง”
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…