“ผมย้ายตามพ่อมาอยู่ที่ปากเกร็ดตั้งแต่ปี 2526 ตอนนั้นถนนแจ้งวัฒนะเป็นถนนที่มีคูน้ำสองข้าง และตรงกลางเป็นคูน้ำ ปากเกร็ดยังมีความเป็นชนบทที่สุขสงบ แต่หลังจากมีทางด่วนมา ทุกอย่างก็มาลงที่นี่ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย สมัยก่อนหมู่บ้านจัดสรรเป็นแนวราบเพราะพื้นที่เยอะ แต่ตอนนี้เป็นคอนโดฯ หมดแล้ว เพราะมีรถไฟฟ้า ผมคิดว่าพื้นที่ตรงนี้เหมาะเป็นที่อยู่อาศัยให้คนเดินทางไปทำงานในกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ที่น่าประทับใจคือ ถึงปากเกร็ดจะเติบโตไปมาก แต่คาแรกเตอร์ความเป็นชุมชนก็ยังคงชัดเจน เมืองยังมีความเป็นเพื่อนบ้าน ผู้คนเก่าแก่ยังไปมาหาสู่ และคนมาอยู่ใหม่ก็ค่อนข้างกลมกลืนกับคนที่อยู่มาก่อน ซึ่งสิ่งนี้มันหาได้ยากจากเมืองใหญ่ ๆ ในทุกวันนี้ครับ
และอาจด้วยลักษณะพิเศษเช่นนี้ ชาวปากเกร็ดจึงมีความพร้อม ให้ความร่วมมือกับภาครัฐค่อนข้างดี เห็นได้ชัดจากอาสาสมัครที่ช่วยเทศบาลฯ รับมือน้ำท่วมเมื่อปี 2554 หรือการคอยเป็นหูเป็นตาแจ้งเตือนถึงระดับน้ำในทุกฤดูน้ำหลาก รวมถึงปัจจัยเสี่ยง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งนี้คือต้นทุน ที่เมื่อเทศบาลฯ ตั้งใจทำระบบป้องกันน้ำท่วมในปัจจุบัน มันจึงมีแนวโน้มจะลุล่วงไปด้วยดี
ด้วยความที่ผมทำงานไอที การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้งานแบบนี้ถือว่าดีในแง่การสร้างประสบการณ์หรือบทเรียนสำหรับการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ในอนาคต เพราะถ้าไม่ทำระบบเลย ประสบการณ์จะไม่มี เหมือนเมื่อก่อนที่เราไม่รู้จัก Google Maps แต่พอรู้จัก ชีวิตพวกเราก็สะดวกสบายขึ้นเยอะ ระบบพวกนี้ก็เหมือนกัน ตอนนี้เราเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ มีความเข้าใจในระบบรับมือภัยพิบัติที่ทางเทศบาลฯ ทำเอง แต่ขั้นต่อไปคือ จะทำยังไงให้ประชาชนรับรู้ด้วย เพราะนี่ไม่ใช่การพัฒนาพื้นที่อย่างเดียว แต่เป็นการพัฒนาตัวบุคลากรไปด้วย มันจะยิ่งสร้างให้คนทำงานมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้น ต่อยอดให้เห็นว่าถ้ามีระบบนี้แล้ว พื้นที่อื่นก็น่าจะดีขึ้นได้ด้วยนะ”
พัฒนะ ธนาธิปัตย์
ผู้ประกอบการบริษัทไอที
#เทศบาลนครปากเกร็ด #CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #PMUA #บพท #Wecitizens
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…