“พื้นเพดั้งเดิมของป้าเป็นคนสมุทรสงคราม แต่ไปทำงานที่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ในกรุงเทพฯ แต่เลือกซื้อบ้านที่นนทบุรี เพราะเมื่อก่อนราคายังไม่สูงมาก เงียบสงบ และก็ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ป้าย้ายมาอยู่ที่ชุมชนหมู่ 3 โซน 2 นี้ตั้งแต่ปี 2535 แล้วก็ยังทำงานในกรุงเทพฯ ต่อจนเกษียณ ก่อนจะเกษียณ ป้าก็เริ่มช่วยงานชุมชนมาตลอด จนสุดท้ายเขาก็ให้ป้ามาเป็นประธานชุมชน ตอนนี้ป้าอายุ 78 ปีแล้วค่ะ (ยิ้ม)
ชุมชนเรานี่เมื่อก่อนมันก็เป็นสวน เป็นแบบบ้าน ๆ คนทำนา ทำสวน แต่มาตอนนี้กลายเป็นชุมชนเมืองเต็มตัวแล้วนะ สวนไม่เหลือแล้ว ทุกคนก็ออกไปทำงานกัน ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย
แต่ถึงจะเป็นชุมชนเมือง ความสัมพันธ์แบบชาวบ้านดั้งเดิมก็ยังมีอยู่ คนในชุมชนยังช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันดี ทุกคนดูแลหน้าบ้านตัวเองให้สะอาดน่าอยู่ มีการแยกขยะด้วย แล้วก็ช่วยกันดูแลคลองบางซื่อที่อยู่ติดกับชุมชน เราทำกันมาต่อเนื่องเลยนะ เป็นสิบ ๆ ปีแล้วที่ช่วยกันทำให้คลองสะอาด น้ำใส ร่วมกับเทศบาลฯ
คนรุ่นป้าก็ยังอยู่กันเยอะในชุมชนนี้ ส่วนใหญ่ลูกหลานจะไปทำงานกันตอนกลางวัน เหลือแต่ผู้สูงอายุอยู่บ้าน อย่างป้าก็อยู่กับลูกชายคนเล็ก ลูกชายสองคน คนโตไปอยู่แถวรัชดา ทำงานแถวฟอร์จูน ส่วนคนเล็กยังอยู่ด้วยกันนี่แหละ เขาทำงานอยู่กรมอนามัย แล้วก็คอยดูแลป้าด้วย ยังไม่มีครอบครัว ก็เลยยังอยู่ด้วยกัน
ที่ชอบเมืองนนท์อีกอย่างคือเขามีสถานบริการหลายอย่างที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ที่อยู่ด้านหลังศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 6 เขามีกิจกรรมให้ทำตลอดวัน มีคลาสออกกำลังกาย เต้นลีลาศ ร้องคาราโอเกะ นั่งสมาธิ เรียกได้ว่าไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ทั้งวัน เจอเพื่อน มีกิจกรรมหลากหลาย สนุกค่ะ
แต่นั่นล่ะ พอป้าเป็นประธานชุมชน เลยไม่ค่อยมีเวลาไปใช้บริการเท่าไหร่ แต่ละวันก็มีธุระมากมาย รวมถึงการดูแลกองทุนหมู่บ้าน เมื่อก่อนป้าทำธุรการและบัญชีที่ พอ.สว. ก็เลยเอาทักษะนี้มาช่วยบริหารจัดการ
คนรุ่นใหม่เนี่ย…น้อยมากเลยที่จะเข้ามาทำงานชุมชน เราก็พยายามนะ อย่างตอนทำโครงการคลองสวยน้ำใส เราก็ให้เด็ก ๆ มาดูว่าต้องดูแลสิ่งแวดล้อมยังไง ให้เขามาช่วยวัดคุณภาพน้ำ พาเดินดูคลอง แล้วก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนน้ำในคลองมันใสแค่ไหน เรายังเห็นคนกระโดดเล่นน้ำอยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้สัตว์น้ำยังอยู่ลำบาก คลองถึงแม้จะไม่มีขยะ แต่น้ำก็ไม่ใสเหมือนเดิม เพราะเมืองมันเปลี่ยน
สำหรับป้า นนทบุรีเป็นเมืองที่น่าอยู่แล้ว แต่ก็เข้าใจว่าพอเมืองเจริญ คนก็เยอะขึ้น สิ่งแวดล้อมก็แย่ลง ก็อยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลเรื่องนี้ อยากให้ทุกคนมองว่าเมืองทั้งเมืองคือบ้านของเรา มาช่วยกันทำให้มันน่าอยู่และดีกว่านี้กันเถอะ”
#เทศบาลนครนนทบุรี #มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ #บพท #pmua #CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…