“ก่อนการเข้ามาของนิคมอุตสาหกรรม พนัสนิคมก็เป็นเมืองเกษตรกรรมเหมือนเมืองอื่น ๆ ละแวกนี้ แตกต่างก็ตรงคนพนัสฯ มีฝีมือในด้านงานหัตถกรรม สมัยก่อนเขาจะปลูกต้นไผ่ไว้หัวไร่ปลายนา แล้วก็ตัดไผ่มาเป็นเครื่องมือ เป็นข้อง ไซ สุ่ม ไว้จับสัตว์น้ำหากิน หรือทำเป็นภาชนะใช้งาน ตั้งแต่เกิดมา ฉันก็เห็นคนพนัสฯ เขาทำเครื่องจักสานใช้เองแล้ว ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้มองว่ามันจะเป็นสินค้าแต่อย่างใด
กระทั่งแม่ฉันเริ่มเอาเครื่องจักสานพวกนี้ลองไปวางขายที่ตลาดนัดตรงสนามหลวงนั่นล่ะ ปรากฏว่าขายดีมาก แม่กลับมาก็เลยเปิดรับซื้อเครื่องจักสานของชาวบ้านไปขาย กระทั่งตลาดนัดย้ายมาเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ข้างสวนจตุจักร จากเครื่องใช้ของคนทำนาทำไร่ มันก็กลายมาเป็นของฝากไปจนถึงของแต่งบ้านไป
พนัสนิคมเป็นเมืองเดียวในละแวกนี้ที่ยังมีงานหัตถกรรมชาวบ้านโดดเด่นอยู่ รอบ ๆ เราเขาเป็นโรงงานอุตสาหกรรมกันหมดแล้ว ฉันก็เลยมาคิดว่าในเมื่อเรามีสมบัตินี้ ก็น่าจะทำให้มันเป็นจุดขายของเมืองเราได้นะ จึงคุยกับคนในชุมชนเพื่อทำแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่สาธิตการทำเครื่องจักสาน เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงาน และเป็นร้านค้าพร้อมกันในตัว
ต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี พนัสนิคมจะมีประเพณีงานบุญกลางบ้าน หน่วยงานราชการเขาก็จะชวนให้ทุกชุมชนทำเครื่องจักสานมาประกวด ฉันเลยคิดว่าชุมชนเราน่าจะทำอะไรเด่น ๆ จึงเลือกทำเครื่องจักสานขนาดใหญ่ ให้อลังการไปเลย ตรงนี้เลยกลายมาเป็นจุดขาย เราทำเครื่องจักสานขนาดใหญ่เอาไปโชว์ทุกปี โดยเปลี่ยนธีมทุกปี บางปีเราเอาตำนานเมืองอย่างพระรถเสน มาทำเป็นประติมากรรมพระรถเสนอุ้มไก่ ปีนี้เพิ่งทำห้องหุ่นเป็นคอลเลกชันเสื้อผ้าไทยเดิมมาจัดแสดง เป็นต้น จากนั้นก็เก็บมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ ฉันเลยตั้งชื่อพื้นที่นี้ว่า ‘ศูนย์จักสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครจะจริงจังกับการทำเครื่องจักสานใหญ่เท่าเราแล้ว (ยิ้ม)
ถามว่ามีคนรุ่นใหม่มาสืบต่อไหม ถ้าที่ศูนย์ฯ ฉัน น้อยสุดก็น่าจะอายุ 50-60 ปีแล้ว (หัวเราะ) เด็กกว่านั้นเขาไม่สนใจหรอก เขาทำงานออฟฟิศหรือราชการน่าจะดีกว่า แต่ใช่ว่าพนัสนิคมจะไม่มีคนสืบต่อเรื่องนี้นะ หลาย ๆ ชุมชนเขาก็มีธุรกิจที่ทำเครื่องจักสานที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ซึ่งส่งไปขายต่างประเทศทำรายได้ไม่น้อย และก็มีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้นอีกในอนาคต ฉันคิดว่าเครื่องจักสานมันไม่น่าจะหายไปจากบ้านเกิดเราได้ง่าย ๆ หรอก”
#ศูนย์เครื่องจักสานใหญ่ที่สุดในโลก #เทศบาลเมืองพนัสนิคม #บพท #pmua #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #CIAP #wecitizens
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…