“พนัสนิคมยังรองรับแค่กับคนวัยทำงานที่ทำงานในระบบราชการหรือไม่ก็ผู้ประกอบการ
แต่สำหรับคนทำงานออฟฟิศ พวกเขาก็ต้องไปหางานทำในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่รอบ ๆ อยู่ดี”
“ตั้งแต่เรียนจบ ผมกับแฟนก็รู้ตัวว่าเราไม่ชอบทำงานประจำ เลยเลือกที่จะกลับมาหาอะไรทำที่บ้าน ตอนแรกก็ทำข้าวกล่องขาย แล้วก็เห็นช่องทางว่าพนัสนิคมยังไม่ค่อยมีร้านกาแฟแบบที่คนรุ่นใหม่ดื่มกันเท่าไหร่ ผมกับแฟนเรียนจบจาก ม.บูรพา ซึ่งอยู่ห่างจากนี่แค่ 20 กิโลเมตรเอง ที่นั่นมีร้านกาแฟให้เลือกนับไม่ถ้วน แต่พอกลับมาพนัสนิคม เรากลับไม่มีทางเลือกนัก เพราะผู้คนในเมืองยังติดรสชาติของกาแฟรสเข้ม ๆ แบบดั้งเดิมอยู่ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะลองทำร้านที่นี่ดู
สองปีแรกก็พอถูไถครับ พออยู่ได้ กระทั่งมาเจอโควิด ที่บังคับให้คนทำงานในเมืองต้อง Work From Home ที่บ้าน คนรุ่นใหม่หลายคนกลับมาอยู่พนัสนิคม ร้านผมจึงขายดีจากคนกลุ่มนี้ ก่อนที่พวกเขาจะบอกต่อ ๆ กันจนมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นว่าทุกวันนี้ ร้านเปิดมาจะ 6 ปีแล้ว ผมแทบไม่ต้องทำการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์ร้านเลย
ลูกค้าประจำทุกวันนี้มีทั้งคนที่ทำงานในโรงพยาบาล สำนักงานราชการ โรงเรียน ตำรวจ และผู้ประกอบการในตลาด เสาร์-อาทิตย์จะได้กลุ่มนักท่องเที่ยว และคนพนัสฯ เองที่ทำงานที่อื่นซึ่งจะกลับบ้านในวันหยุด กลุ่มลูกค้าเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฐานประชากรในเมืองพนัสนิคมเหมือนกัน คือพนัสนิคมมันรองรับแค่คนวัยทำงานที่ทำงานในระบบราชการหรือไม่ก็ผู้ประกอบการ แต่สำหรับคนทำงานออฟฟิศ พวกเขาก็ต้องไปหางานทำในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่รอบ ๆ อยู่ดี
ถ้าถามว่าเราจะดึงดูดคนวัยทำงานกลับมาบ้านเกิดได้อย่างไร ? ผมคิดว่ามันต้องมีหลาย ๆ องค์ประกอบนะ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจระดับประเทศ แต่ถ้ามองในเชิงภาพลักษณ์ ผมคิดว่าเราน่าจะสื่อสารผ่านต้นทุนที่เรามีดีอยู่แล้ว อย่างเมืองเราขึ้นชื่อเรื่องเครื่องจักสาน เราก็น่าจะใช้มันเป็นเครื่องมือได้ด้วยเช่นกัน เช่นการทำแบรนด์เมือง การใช้เครื่องจักสานมาออกแบบใหม่ให้ร่วมสมัย เพื่อนำมาตบแต่งตามพื้นที่สาธารณะ หรือถนนสายหลัก เป็นแลนด์มาร์กเพื่อบอกต้นทุนของเมือง ไปจนถึงการชวนนักออกแบบรุ่นใหม่มาร่วมพัฒนารูปแบบเครื่องจักสาน เป็นการประกวดเชิงศิลปะหรืองานดีไซน์ก็ได้ ทำให้เป็นของฝากแนวใหม่ แม้มันอาจเป็นแค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง แต่ก็พอจะเปลี่ยนมุมมองให้ผู้คนเห็นว่า เมืองเรามันมีที่ทางให้คนทำงานสร้างสรรค์รุ่นใหม่ได้บ้าง น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”
ติดตามร้านกาแฟโอเวอร์คัม (Overcome) พนัสนิคม ได้ที่ https://www.facebook.com/overcome.coffee
#overcomeพนัสนิคม #เทศบาลเทืองพนัสนิคม #CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #PMUA #บพท #Wecitizens
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…