“เอ็งกอคือ 108 วีรบุรุษแห่งเขาเหลียงซาน สมัยราชวงศ์ซ่ง เหล่าขุนนางฉ้อฉล ประชาชนประสบความทุกข์ยาก อดีตนักโทษ 108 คนจึงวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ในงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ความที่พวกเขาเคยเป็นนักโทษซึ่งถูกตีตราบนใบหน้า จึงต้องวาดรูปบนหน้าเพื่ออำพราง นี่คือเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหล่าวีรบุรุษที่เสียสละตนเองเพื่อผดุงความยุติธรรม ก่อนที่คนจีนในยุคหลังได้ดัดแปลงเรื่องราวดังกล่าวเป็นศิลปวัฒนธรรม เพื่อใช้เฉลิมฉลองในงานตรุษจีน หรืองานสำคัญอื่น ๆ
เล่ากันว่าเอ็งกอเข้ามาเมืองไทยจากกลุ่มคนแต้จิ๋วจากเมืองซัวเถา กลุ่มหนึ่งนั่งเรือสำเภาสีแดงไปเทียบท่าที่นครสวรรค์ อีกกลุ่มนั่งเรือสีเขียวมาเทียบท่าที่ชลบุรี หลังจากตั้งรกรากในดินแดนใหม่ได้สำเร็จ พวกเขาก็นำศิลปะการแสดงนี้มาเล่นกัน เพื่อรำลึกถึงบ้านเกิด
พนัสนิคมเป็นเมืองที่มีคณะเอ็งกอที่มีการสืบสานกันอย่างจริงจัง พวกเขาจะออกแสดงในงานตรุษจีน ไหว้พระจันทร์ และงานบุญกลางบ้าน ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีของพนัสนิคม ซึ่งทาง ผอ.บุญชัย ทิพยางกูร (ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 2 วัดกลางทุมมาวาส) เขาเล็งเห็นถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมนี้ รวมถึงโรงเรียนของเราตั้งอยู่ใกล้ชุมชนชาวจีน จึงริเริ่มบรรจุการละเล่นเอ็งกอเข้าเป็นหลักสูตรในชั่วโมงกิจกรรมชุมนุม ตั้งแต่ปี 2545
ผมเริ่มเรียนเอ็งกอจากโรงเรียนนี้ พอเรียนจบ ก็กลับมาเป็นครูสอนศิลปะ และสอนเอ็งกอในชั่วโมงชุมนุมที่นี่ สอนมา 16 ปีแล้ว มีเด็กนักเรียนที่เริ่มเรียนกับเราตั้งแต่ชั้นอนุบาล หลายคนจบไปก็ไปเข้าร่วมคณะเซียนซือ คณะเต็กกา และอื่น ๆ ที่มีในพนัสนิคม
สำหรับพนัสนิคม เอ็งกอไม่ใช่แค่การละเล่น แต่เป็นอัตลักษณ์ของเมือง เราจริงจังถึงขั้นออกแบบชุดเอ็งกอประจำเมืองของเรา สีเขียวและสีเหลืองบนชุดเอ็งกอ คือสีสัญลักษณ์ของพนัสนิคม หมวกสานที่พวกเราสวมก็เป็นหมวกที่สะท้อนความเป็นเมืองเครื่องจักสาน ตัวอักษรภาษาจีนที่เห็นแปลว่า ‘เอ็งกอพนัสนิคม’ ไม่เพียงเท่านั้น เทศบาลฯ ยังส่งคนไปดูงานจริงที่ Academy ในเมืองซัวเถา และก็เชิญคณะเอ็งกอจากซัวเถามาร่วมแสดงในเทศกาลงานบุญกลางบ้านของเรา
ขณะเดียวกันคณะเอ็งกอบ้านเราก็ได้รับเชิญไปแสดงตามงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทั้งยังไปเปิดหลักสูตรให้โรงเรียนเทศบาลในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย
จริงอยู่ เอ็งกอมันยังเป็นอาชีพไม่ได้ แต่ถ้าพิจารณาดู คนที่แสดงเอ็งกอตามคณะต่าง ๆ หลายคนก็เป็นทั้งวิศวกร เป็นหมอ เป็นคนทำงานออฟฟิศนะครับ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการอยากมีส่วนร่วม ความสนุก และความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานรากเหง้าของตัวเอง เช่นเดียวกับผมในฐานะครูผู้สอน ที่รู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนในการเพาะต้นกล้าให้เด็กพนัสนิคมในการเติบโตบนเส้นทางนี้ต่อไป”
#เทศบาลเมืองพนัสนิคม #CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #PMUA #บพท #Wecitizens
อาจารย์คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังนักวิจัยโครงการเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด พนัสนิคม“ความที่เมืองพนัสนิคมแต่เดิมเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองชายทะเล กับเมืองที่อยู่ใกล้ป่าเขา ที่นี่จึงมีลักษณะเป็นชุมทางการค้าที่ผู้คนนำสินค้าจากทะเลและป่าเข้ามาแลกเปลี่ยนกัน เมืองจึงถูกขยับขยายและเติบโตด้วยอัตลักษณ์แบบที่เห็นขณะเดียวกัน ความที่พนัสนิคมเป็นชุมชนการค้าที่มีความรุ่งเรืองมาก่อนจะเกิดการตัดถนน จึงสังเกตได้ว่าเส้นทางในเมืองมีความคดเคี้ยว ซึ่งหาไม่ได้จากเมืองใหญ่ จริงอยู่จุดนี้อาจเป็นปัญหาในการขยายเมือง แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นเสน่ห์ของการเป็นเมืองเก่า สังเกตดู ถ้าเราขับรถจากทางหลวงที่เรียงรายด้วยโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาในเขตเทศบาลเมือง พอมาถึงเราจะเจอทุ่งนารายล้อมด้านนอก ก่อนจะเจอถนนแคบ…
“ด้วยความที่เมืองปากเกร็ดเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯ ที่มีประชากรจากกรุงเทพฯ ออกมาอาศัยอยู่มาก และเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของนนทบุรี มีเมืองทองธานีเป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้มีคนเข้ามาในพื้นที่เยอะ ถ้าฝนตกน้ำท่วม ระบายน้ำออกไม่ทัน มันก็กระทบเป็นวงกว้าง และส่งผลหนักหนาไม่ต่างจากพื้นที่ศูนย์กลางกรุงเทพฯ เลยช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา เราทำแดชบอร์ดเผยแพร่ทุกวันว่าระดับน้ำถึงไหนแล้ว ประชาชนเข้ามาเช็กได้เรียลไทม์ นำภาพกล้องวงจรปิดมาใส่ไว้ในเพจเฟซบุ๊กเทศบาลนครปากเกร็ด ประชาชนคลิกดูแล้วรู้เลยว่าน้ำอยู่ระดับไหน…
“ผมย้ายตามพ่อมาอยู่ที่ปากเกร็ดตั้งแต่ปี 2526 ตอนนั้นถนนแจ้งวัฒนะเป็นถนนที่มีคูน้ำสองข้าง และตรงกลางเป็นคูน้ำ ปากเกร็ดยังมีความเป็นชนบทที่สุขสงบ แต่หลังจากมีทางด่วนมา ทุกอย่างก็มาลงที่นี่ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย สมัยก่อนหมู่บ้านจัดสรรเป็นแนวราบเพราะพื้นที่เยอะ แต่ตอนนี้เป็นคอนโดฯ หมดแล้ว เพราะมีรถไฟฟ้า…
“บทบาทของสำนักช่าง คือ การทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นอากาศหรือน้ำ อย่างเรื่องอุทกภัย เรามีศูนย์ข้อมูลกลางความปลอดภัยของเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นหน่วยงานที่ผลิตข้อมูลแจ้งเตือนในรูปแบบต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือและรวดเร็ว ซึ่งสุดท้ายข้อมูลชุดนั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของประชาชนที่ขาดไม่ได้ สำหรับการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการจัดการภัย ซึ่งผมมองว่าองค์ประกอบทั้งหมดจะครบถ้วนได้ต้องมี Data Culture เกิดขึ้นส่วนงานของสำนักช่างคือการป้องกัน…
“เมืองปากเกร็ดมีความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม ซึ่งนอกจากวัฒนธรรมเก่าที่คนโหยหาและมีราคา เรายังมองเห็นประสบการณ์บางอย่างที่คนรุ่นเก่ามีอยู่ และดูมีประโยชน์กับกลุ่มคนใหม่ ๆ โดยต้องหาวิธีจัดการองค์ความรู้นั้นมาใช้ให้ได้ เราจะพาวิธีคิดแบบพิเศษของคนกลุ่มนั้นมาสู่ Digital Workflow ได้อย่างไร ในแบบที่คนรุ่นหลังจะนำไปใช้งานต่อยาว ๆอย่างแรกไปดูก่อนว่าใครเชี่ยวชาญในด้านอะไร แล้วถอดมาเป็น Knowledge Management…
“ในปี 2554 ปากเกร็ดเป็นที่รู้จักของคนในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากผลงานการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ความที่ทีมผู้บริหารท้องถิ่นล้วนแล้วแต่เติบโตมากับชาวบ้าน ทำให้รอบรู้ถึงบริบทของเมืองและลักษณะพื้นฐานของประชากร เมื่อเรารู้จักพื้นที่ รู้เขา รู้เรา และทุ่มเททำงานอย่างไม่หยุดโดยไม่เกี่ยงตำแหน่งงาน เราจึงสามารถรับมือกับวิกฤตครั้งนั้นได้หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ เหมือนเราก็มีโมเดลในการป้องกันน้ำท่วมแล้ว เราก็พยายามพัฒนามาเรื่อย ๆ ว่า…