“ในฐานะที่เราทำงานด้านสุขภาพ หลายคนอาจคิดว่าแค่ทำให้ชาวบ้านตระหนักรู้เรื่องนี้ก็พอแล้ว แต่จริง ๆ มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะการตระหนักรู้มันก็เหมือนกับวินัยในการออกกำลังกาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีใจอยากออกกำลังกายทุกวัน บางวันคุณอาจขี้เกียจ หรือเหนื่อยจากงานมา คุณก็ไม่ทำ เหมือนสมองเรารู้ว่าทำแล้วมันจะดี แต่ใจเรามันไม่อยากทำ
ด้วยเหตุนี้ การขับเคลื่อนเวชศาสตร์วิถีชีวิต จึงไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่ต้องคอยติดตาม กระตุ้น และคอยเสริมพลัง ให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอยู่คนเดียว และถ้าทำได้ แล้วมันจะกลายเป็นพลังที่อยู่กับเราในระยะยาว
ปัจจุบัน เรากำลังพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามและดูแลพฤติกรรมสุขภาพของผู้คนในชุมชน ให้มีฟังก์ชันที่ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งด้านข้อมูลสุขภาพส่วนตัว และข้อมูลส่วนกลางที่เอื้ออำนวยให้ทุกคนเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดี
โชคดีที่เทศบาลนครนนทบุรีมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอยู่แล้ว อย่างตอนนี้เรามีศูนย์บริการสาธารณสุขทั้งหมด 11 ศูนย์ ดูแลอยู่ 93 ชุมชน ซึ่งแต่ละศูนย์ก็จะมีชุมชนในมือของตัวเอง และเราก็มีแกนนำที่อบรมไว้แล้ว ทั้ง อสม. และประธานชุมชน ที่ช่วยกันทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของพื้นที่นั้น ๆ เลยค่ะ
เวลาเขามีกิจกรรม เขาก็จะใช้แอปฯ ที่เราพัฒนาขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการติดตาม ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูล แต่เพื่อกระตุ้นให้เขาทำอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เขาเห็นภาพของตัวเอง เห็นพัฒนาการของตัวเอง และรู้สึกว่า เออ ร่างกายของเรากำลังจะดีขึ้นนะ
แต่มันก็ต้องมีแรงสนับสนุนค่ะ ทั้งจากหน่วยงาน และจากคนในพื้นที่เอง บางครั้งชุมชนเขาก็อยากทำ แต่ติดตรงที่ไม่มีงบ ไม่มีทรัพยากร เทศบาลฯ ก็ต้องช่วยกันสนับสนุน อย่างบางที่เขาทำลานออกกำลังกายเองเลย ทาสีกันเอง ใช้แรงจากในชุมชน นั่นแหละค่ะคือความเข้มแข็งที่แท้จริง
แล้วก็ยังมีกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนเขียนโครงการขึ้นมาเอง แล้วเสนอของบได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ อย่าง บพท. หรือเทศบาลฯ มันก็เหมือนเป็นสตาร์ตอัปเล็ก ๆ สำหรับชุมชน เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้ลงมือทำอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
เราเชื่อว่าถ้าเราช่วยเขาให้เดินได้ด้วยตัวเอง วันหนึ่งเขาจะวิ่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาจูงมือตลอดไป”
#เทศบาลนครนนทบุรี #มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ #บพท #pmua #CIAP #ปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด