[ THE INSIDER ]
สาธิต ขันธวิทย์
สถาปนิกชำนาญการ กองช่างเทศบาลเมืองพนัสนิคม

Start
7 views
7 mins read

“ผมเป็นคนพนัสนิคม ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นนักผังเมืองในเทศบาลเมืองที่เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จริงอยู่ที่พอทำงานในเมืองใหญ่ ตำแหน่งรับผิดชอบต่าง ๆ ของหน่วยบริหารราชการจึงค่อนข้างจะครอบคลุม แต่การพัฒนาเมืองกลับไม่ได้ถูกนำโดยผู้คนท้องถิ่น มันถูกขีดมาจากระบบใหญ่จากบนลงล่าง และทิศทางการออกแบบเมืองมันจึงถูกกำหนดโดยผู้ประกอบการ ชาวบ้านหลายคนอาจได้รับผลกระทบจากการพัฒนา ซึ่งพวกเขาทำอะไรไม่ได้มาก 


ข้อดีของการอยู่เมืองเล็ก ๆ อย่างพนัสนิคม คือการที่ไม่เพียงชาวบ้านทุกคนเข้าถึงทรัพยากรของเมือง แต่พวกเขายังมีโอกาสกำหนดทิศทางของเมืองที่เขาอยากให้เป็นในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้มันตอบสนองกับแนวคิดการพัฒนาเมืองแบบล่างขึ้นบนอย่างที่ผมสนใจ ขณะเดียวกัน การที่นายกฯ วิจัยท่านอยู่ในสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ท่านจึงมักดึงโครงการวิจัยมาช่วยส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนา ซึ่งตอบโจทย์ทั้งปัญหาของเมือง การเข้าถึงข้อมูล และกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ จริงอยู่ที่พออยู่เทศบาลเมืองขนาดเล็ก บุคลากรของสำนักงานกองช่างอาจต้องทำงานซ้อนกันหลายอย่าง แต่เมื่อโจทย์ของเมืองถูกตีแผ่ออกมาอย่างชัดเจน และผลประโยชน์ทั้งหมดมันตกอยู่ที่คุณภาพชีวิตของคนในเมือง ผมจึงรู้สึกถึงความคุ้มค่าในทุกงานที่ได้รับมอบหมายในบ้านเกิดของตัวเอง 

ถามว่าภูมิใจอะไรในเมืองพนัสนิคม ? ผมคิดว่าน่าจะเป็น ‘คนพนัสฯ’ ที่นี่ไม่ได้น่าอยู่เพราะแค่ความสะอาดและพื้นที่สีเขียว แต่การที่มีชุมชนเมืองที่มีคุณภาพ และผู้คนมีความแอ็กทิฟต่อเรื่องส่วนรวม คนพนัสฯ ภูมิใจในเมืองของพวกเขาเอง เมืองมันจึงกระโดดไปอีกขั้น

ยกตัวอย่าง อย่างประเด็นเรื่องเมืองปลอดขยะที่เทศบาลฯ พยายามรักษามาตรฐานมาตลอด เราไม่ได้มีถังขยะมาวางไว้ตามเมือง แต่จะนัดหมายเวลาในการเก็บขยะกับประชาชน พอถึงเวลาพวกเขาก็จะเอาถุงขยะออกมาวาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เหมือนมีถุงเล็ก ๆ ถุงหนึ่งตกหล่นไป ไม่ได้ถูกเก็บ เท่านั้นแหละ ชาวบ้านเขาก็โทรศัพท์มาร้องเรียนกับเราทันที ซึ่งหลายคนบอกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องร้องเรียนด้วย แค่ถุงเล็ก ๆ ใบเดียว แต่ผมมองว่านี่มันโอเคมากเลย  ผมไม่ได้มองว่าเพิ่มหน้าที่ให้เรา แต่เห็นว่าความสะอาดของบ้านเมืองมันไปอยู่ในใจของชาวบ้าน

เรื่องนี้สะท้อนออกมาว่า เราไม่ได้ทำให้ชาวบ้านแค่ไม่อยากทิ้งขยะลงที่สาธารณะ แต่เรื่องความภูมิใจในเมืองสะอาด มันเข้าไปอยู่ในความรู้สึกของพวกเขาแล้ว แล้วเขาก็ช่วยกันดูแลเมือง นี่เป็นตัวชี้วัดที่น่าสนใจ”