“ผมเป็นคนพนัสนิคม ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นนักผังเมืองในเทศบาลเมืองที่เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จริงอยู่ที่พอทำงานในเมืองใหญ่ ตำแหน่งรับผิดชอบต่าง ๆ ของหน่วยบริหารราชการจึงค่อนข้างจะครอบคลุม แต่การพัฒนาเมืองกลับไม่ได้ถูกนำโดยผู้คนท้องถิ่น มันถูกขีดมาจากระบบใหญ่จากบนลงล่าง และทิศทางการออกแบบเมืองมันจึงถูกกำหนดโดยผู้ประกอบการ ชาวบ้านหลายคนอาจได้รับผลกระทบจากการพัฒนา ซึ่งพวกเขาทำอะไรไม่ได้มาก
ข้อดีของการอยู่เมืองเล็ก ๆ อย่างพนัสนิคม คือการที่ไม่เพียงชาวบ้านทุกคนเข้าถึงทรัพยากรของเมือง แต่พวกเขายังมีโอกาสกำหนดทิศทางของเมืองที่เขาอยากให้เป็นในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้มันตอบสนองกับแนวคิดการพัฒนาเมืองแบบล่างขึ้นบนอย่างที่ผมสนใจ ขณะเดียวกัน การที่นายกฯ วิจัยท่านอยู่ในสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ท่านจึงมักดึงโครงการวิจัยมาช่วยส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนา ซึ่งตอบโจทย์ทั้งปัญหาของเมือง การเข้าถึงข้อมูล และกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ จริงอยู่ที่พออยู่เทศบาลเมืองขนาดเล็ก บุคลากรของสำนักงานกองช่างอาจต้องทำงานซ้อนกันหลายอย่าง แต่เมื่อโจทย์ของเมืองถูกตีแผ่ออกมาอย่างชัดเจน และผลประโยชน์ทั้งหมดมันตกอยู่ที่คุณภาพชีวิตของคนในเมือง ผมจึงรู้สึกถึงความคุ้มค่าในทุกงานที่ได้รับมอบหมายในบ้านเกิดของตัวเอง
ถามว่าภูมิใจอะไรในเมืองพนัสนิคม ? ผมคิดว่าน่าจะเป็น ‘คนพนัสฯ’ ที่นี่ไม่ได้น่าอยู่เพราะแค่ความสะอาดและพื้นที่สีเขียว แต่การที่มีชุมชนเมืองที่มีคุณภาพ และผู้คนมีความแอ็กทิฟต่อเรื่องส่วนรวม คนพนัสฯ ภูมิใจในเมืองของพวกเขาเอง เมืองมันจึงกระโดดไปอีกขั้น
ยกตัวอย่าง อย่างประเด็นเรื่องเมืองปลอดขยะที่เทศบาลฯ พยายามรักษามาตรฐานมาตลอด เราไม่ได้มีถังขยะมาวางไว้ตามเมือง แต่จะนัดหมายเวลาในการเก็บขยะกับประชาชน พอถึงเวลาพวกเขาก็จะเอาถุงขยะออกมาวาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เหมือนมีถุงเล็ก ๆ ถุงหนึ่งตกหล่นไป ไม่ได้ถูกเก็บ เท่านั้นแหละ ชาวบ้านเขาก็โทรศัพท์มาร้องเรียนกับเราทันที ซึ่งหลายคนบอกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องร้องเรียนด้วย แค่ถุงเล็ก ๆ ใบเดียว แต่ผมมองว่านี่มันโอเคมากเลย ผมไม่ได้มองว่าเพิ่มหน้าที่ให้เรา แต่เห็นว่าความสะอาดของบ้านเมืองมันไปอยู่ในใจของชาวบ้าน
เรื่องนี้สะท้อนออกมาว่า เราไม่ได้ทำให้ชาวบ้านแค่ไม่อยากทิ้งขยะลงที่สาธารณะ แต่เรื่องความภูมิใจในเมืองสะอาด มันเข้าไปอยู่ในความรู้สึกของพวกเขาแล้ว แล้วเขาก็ช่วยกันดูแลเมือง นี่เป็นตัวชี้วัดที่น่าสนใจ”
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…