“เราเป็นคนอำเภอเกาะจันทร์ แต่ช่วงมัธยมฯ มาเรียนที่พนัสนิคม ซึ่งเราเห็นว่าพนัสนิคมเป็นเมืองสะอาดมาตั้งแต่นั้น คือตั้งแต่ตอนเราเป็นเด็ก เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วนะ จนพอสอบบรรจุเป็นข้าราชการด้านสาธารณสุข ตอนเขาให้เลือกเทศบาลสังกัด เราจึงเลือกเทศบาลเมืองพนัสนิคม ซึ่งไม่ใช่เพราะที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน แต่เมื่อเราหาข้อมูล จึงรู้ว่าเมืองนี้จริงจังเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมจริง ๆ จึงรู้สึกว่างานที่เราทำมันมีคุณค่า
พอได้มาทำงานเราก็เห็นแบบนั้นจริง ๆ เราทำงานเทศบาลฯ มา 6 ปีแล้ว ทำทั้งประเมินสิ่งแวดล้อม ดูแลเรื่องใบอนุญาตด้านสุขาภิบาล ร่วมประสานงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข และบทบาทตามหน้าที่ ซึ่งเราเนี่ยเป็นคนที่ท่านนายกฯ ส่งให้ไปอบรมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเยอะมาก ไปที่ไหน พอแนะนำตัวกับใครว่ามาจากพนัสนิคม ทุกคนจะพูดเหมือนกันเลยว่า ‘อ่อ ท่านนายกฯ วิจัย’ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นเลยว่าเมืองเรามีผู้นำเข้มแข็งมาก
แต่การมีผู้นำเข้มแข็งก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว พอมาทำงานที่นี้ เราเห็นเลยว่าคนพนัสฯ เขาแอ็กทิฟเรื่องส่วนรวมมากเลยนะ อย่างเมื่อก่อนในชุมชนย่อยที่ 3 เขาจะมีปัญหาคนจากที่อื่นชอบขับรถเอาขยะมาทิ้งในชุมชนเขา บ่อยเข้า คนในชุมชนก็ทนไม่ไหว เลยตั้งอาสาสมัครมาตรวจตรา พอเห็นคนจากที่อื่นเอาขยะมาทิ้ง เขาตะโกนด่าให้เก็บทันที จนสุดท้ายไม่มีใครกล้าเอาขยะมาทิ้งอีก หรือในชุมชนย่อยที่ 10 ที่เขานำเศษผักผลไม้มาหมักเป็นแชมพู และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ขาย ก่อนจะร่วมกับชุมชนอื่น ๆ ตั้งกลุ่ม Save the Earth เขาจริงจังกันมาก ๆ
เราคิดว่านี่แหละคือต้นทุนที่ดีของเมืองนี้ การมีผู้นำเข้มแข็ง และการมีประชาชนที่รู้จักหน้าที่และจิตสำนึกเรื่องส่วนรวม เราจึงไม่แปลกใจที่ทำไมพนัสนิคมถึงได้รับรางวัล หรือได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองน่าอยู่จนถึงทุกวันนี้”