ขณะที่ปลูกต้นไม้ เราทุกคนก็ล้วนเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานตามวิถีของตัวเองด้วยเช่นกัน

Start
535 views
9 mins read

“ที่นี่เป็นบ้านเดิมคุณตา ภายหลังแม่ต่อเติมข้างหน้าเป็นคลินิกทำฟัน แต่ตอนนี้แม่ไม่ทำแล้ว พอเราเรียนจบกลับมาก็เห็นบ้านหลังนี้มีศักยภาพ พร้อมกับที่เห็นว่าพะเยายังไม่พื้นที่สร้างสรรค์ หรือพื้นที่ที่คนรุ่นใหม่ได้เชื่อมโยงกับชุมชน เลยไม่ไปทำงานที่ไหน กลับมาเปิดร้านที่บ้านเลย

ที่นี่เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ มีไอศกรีม และขนม ที่ตั้งชื่อว่า ‘นิทานบ้านต้นไม้’ ก็ตามตัวเลยค่ะ เราสนใจเรื่องความสัมพันธ์กับคนกับธรรมชาติและคนกับสังคม โดยสังคมที่ใกล้ตัวเราที่สุดก็คือครอบครัว เลยใช้คำว่าบ้านมาแทนคุณค่าของครอบครัว แล้วให้ต้นไม้เป็นตัวแทนของธรรมชาติ

เราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง อาจทำให้เรามองข้ามสิ่งนี้ไป ก็คิดว่าถ้าเราใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นเครื่องมือทำให้เขาค้นพบคุณค่าของตัวเองได้คงดีไม่น้อย ขณะเดียวกันเราก็สามารถทำธุรกิจไปพร้อมกันได้ ตอนนี้ก็เปิดมา 8 ปีแล้วค่ะ

เราเป็นคาเฟ่ที่ขยันจัดกิจกรรมโดยใช้สวนหลังบ้านเรานี่แหละจัดงานเรื่อยมา ทั้งตลาดนัดสินค้าทำมือ เวิร์คช็อปวาดสีน้ำ ปั้นดิน ถักไหมพรม โดยชวนเครือข่ายที่เป็นเพื่อนๆ กันมาร่วม และวางคอนเซปต์ของกิจกรรมในแต่ละช่วง หมุนเวียนไปเรื่อยๆ เราอยากให้คนในชุมชนมาใช้ ครอบครัวมาทำกิจกรรมร่วมกัน และมองว่ามันจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนผ่านพื้นที่ของการเรียนรู้และผลิตผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ 

พอจัดงานไปแต่ละครั้ง ก็มีโอกาสได้รู้จักคนมากขึ้น และตั้งกลุ่มกับเพื่อนๆ ในนาม Phayao Lovers ได้ไปร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ จัดงานในเมืองบ้าง เช่น งานลอยกระทงของเมือง (ล้า’ลา’ลอย คอยเธอที่กว๊านพะเยา) หรืองานเทศกาลกาแฟและชา (Phayao Coffee & Tea Lovers)

ซึ่งนอกจากเรามีส่วนช่วยเมืองด้านการทำอีเวนท์กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับเมือง เราก็ยังสามารถทำตามเป้าหมายที่คิดไว้แต่แรก คือการส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจของผู้คนในสังคมผ่านการร่วมมือกันทำงาน ซึ่งความเข้าใจตรงนี้นี่แหละจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมือง

เรามีภาพฝันไกลๆ ว่าอยากพัฒนาย่านที่เราอยู่ (ถนนราชวงศ์เชื่อมสู่กว๊านพะเยา – ผู้เรียบเรียง) ให้เป็น creative district โดยเริ่มเล็กๆ จากรอบๆ ร้าน เพราะเห็นว่าพะเยาเรามีต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมเยอะ และเมื่อทำอีเวนท์ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเรามีทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพไม่น้อยเลย ต้นทุนดีอยู่แล้ว แค่ต้องหารวิธีเชื่อมเข้ากับภาพใหญ่ของเมือง จากย่านเล็กๆ ถ้าได้แรงเสริม มันก็อาจทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นเมืองสร้างสรรค์ ที่มาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนได้ต่อไป

เราเชื่อว่าถ้าอยากเห็นดอกไม้ คุณก็ต้องลงมือปลูกต้นไม้ แต่ดอกไม้จะไม่สวยเลยถ้ามันมีต้นไม้แค่ต้นเดียว เราจำเป็นต้องช่วยกันปลูกเพื่อจะได้ชื่นชมดอกไม้ที่สวยงามด้วยกัน การได้ร่วมมือกันเช่นนี้ ยังทำให้เราได้เห็นศักยภาพของกันและกัน เช่นนั้นแล้ว ขณะที่ปลูกต้นไม้ เราทุกคนก็ล้วนเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานตามวิถีของตัวเองด้วยเช่นกัน”

บงกช กาญจนรัตนากร
เจ้าของร้านนิทานบ้านต้นไม้ ตัวแทนจากกลุ่ม Phayao Lovers
และนายกสโมสรโรตารี่พะเยา
https://www.facebook.com/nithanbaantonmai/

กองบรรณาธิการ

ในปีพ.ศ.2563-2564 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้สนับสนุนและผลักดันการพัฒนาเมืองในประเทศไทยเพื่อพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) โดยเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วทั้งหมด 18 เมือง 20 ชุดโครงการ และ 41 ชุดโครงการย่อย