จังหวัดจันทบุรีอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งพื้นที่ป่า ภูเขา ทะเล เป็นแหล่งผลิตสินค้าทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารทะเล อีกทั้งมีความหลากหลายของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ชุมชนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมหลายชนชาติซึ่งเคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของจันทบุรีมาแต่อดีตกาล อาทิ ชาวจีน ชาวญวน และชาวชอง ซึ่งถือเป็นชนพื้นเมืองจันทบุรี มีภาษาพูดเป็นภาษาชองที่แตกต่างจากภาษาเขมรและภาษาไทย ทางมานุษยวิทยาจัดให้อยู่ในจำพวกตระกูลมอญ-เขมร เช่นเดียวกับพวกขอมโบราณ โดยอาศัยอยู่บริเวณอำเภอขลุง ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัด อันเป็นชุมชนที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก ป่าชายเลน และแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นมาของอำเภอขลุงในปัจจุบัน
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/DSC02553-1024x683.jpg)
คำว่า “ขลุง” หมายถึงพื้นที่ลุ่ม น้ำท่วมถึง เดิมชาวขลุงมีอาชีพทำนาและประมง ปัจจุบันมีการปลูกผลไม้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ประวัติศาสตร์อำเภอขลุงเริ่มจากการค้นพบศิลาจารึกขลุง ซึ่งเป็นหินทรายสีแดงใช้อักษรปัลลวะ พุทธศตวรรษ 12 เป็นภาษาสันสกฤต จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 4 บรรทัด ลักษณะวัตถุเป็นชิ้นส่วนจารึกแตกหักมาจากแท่งหินทรงสามเหลี่ยมด้านเท่า ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2461 ใกล้ที่ว่าการอำเภอขลุง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ปัจจุบันไม่ปรากฏหลักฐานว่าเก็บรักษาอยู่ที่ใด แต่ได้มีการพูดถึงจารึกหลักนี้เป็นครั้งแรกในวารสารสำนักฝรั่งเศสปลายบูรพาทิศ ฉบับที่ 24 ปี พ.ศ. 2467 โดย ศ. ยอร์ช เซเดส์ รายงานเกี่ยวกับจารึกพบใหม่ที่มณฑลจันทบูร ซึ่งปัจจุบันคือจังหวัดจันทบุรี
เดิมอำเภอขลุงมีฐานะเป็น “เมืองขลุง” มีเจ้าเมืองปกครอง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการจัดระเบียบการปกครองตามแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองขลุงจึงมีฐานะเป็นอำเภอ เรียกว่า อำเภอขลุง เมื่อฝรั่งเศสย้ายจากเมืองจันทบุรีไปอยู่จังหวัดตราด อำเภอขลุงจึงได้ยกฐานะเป็นเมืองอีกวาระหนึ่ง มีฐานะเป็นเมืองจัตวา เรียกว่า เมืองขลุง ครั้นในราว พ.ศ. 2451 ฝรั่งเศสย้ายออกไปจากเมืองตราดแล้ว เมืองตราดมีฐานะเป็นจังหวัดขึ้นตามเดิม โดยมีอำเภอบางพระ อำเภอเกาะช้าง อำเภอทุ่งใหญ่ (อำเภอเขาสมิงปัจจุบัน) รวมอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดตราด เมืองขลุงจึงได้ยุบเป็นอำเภอ ขึ้นกับเมืองจันทบุรี และคงมีฐานะเป็นอำเภอตลอดมา โดยศาลหลักเมืองขลุงคือประจักษ์พยานประวัติศาสตร์เมืองขลุง ค่าที่ศาลหลักเมืองตั้งขึ้นตามจังหวัดเท่านั้น ไม่มีตามอำเภอ ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจยิ่งให้กับชาวขลุง
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/DSC01515-1024x683.jpg)
คำขวัญอำเภอขลุงที่ว่า “ผู้คนสามัคคี เมืองมีความสะอาด ธรรมชาติเขียวขจี มากมีกุ้งหอยปูปลา นานาผลไม้ ยิ่งใหญ่ป่าชายเลน ลุ่มน้ำเวฬุ เขื่อนคีรีธาร แสนสำราญน้ำตกตรอกนอง” สะท้อนตัวตนและวิสัยทัศน์ของอำเภอขลุง ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการศึกษาท้องถิ่นที่ชุดโครงการวิจัย “การสร้างกลไกและเครือข่ายการยกระดับระบบนิเวศเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) เพื่อพัฒนาเมืองต้นแบบแห่งการเรียนรู้ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี” เข้าไปรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายความรู้และวิทยากรจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา ปราชญ์ชุมชน และผู้คนในพื้นที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ออกมาเป็นบริบทต้นทุนทางวัฒนธรรมและเกษตรที่โดดเด่นของอำเภอ โดยแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่ตำบลหลัก คือพื้นที่เทศบาลเมืองขลุง พื้นที่การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม เมืองพหุวัฒนธรรม 2 ศาสนา (พุทธ คริสต์) 3 วัฒนธรรม (ไทย ญวน จีน) ผ่านการฟื้นฟูย่านเมืองเก่าขลุงและประเพณีสงกรานต์ 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม รวมถึงแหล่งเรียนรู้ที่มีในพื้นที่อยู่แล้ว ได้แก่ วัดวันยาวบน ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (หัวมังกร) ศาลเจ้าขลุงมูลนิธิ (ท้องมังกร) ศาลเจ้าปึงเท่ากง (หางมังกร) และโบสถ์วัดพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า และพื้นที่ตำบลตะปอน กับตำบลเกวียนหัก พื้นที่การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม มีประเพณีเด่นๆ ได้แก่ แห่รอยพระพุทธบาทผ้า ชักเย่อเกวียนพระบาท ก่อพระเจดีย์ทรายในวัด เทศน์มหาชาติ ลอยกระทงรอบโบสถ์เก่าวัดเกวียนหัก เทศกาลดูปูแป้นชื่นชมธรรมชาติ
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/DSC09951-1024x683.jpg)
ขณะที่แนวเส้นทางเกษตรของพื้นที่อำเภอขลุง มีการปลูกไม้ยืนต้น ผลไม้ ทำนาข้าว อาชีพประมงเรือเล็ก สวนเกษตรอินทรีย์และเกษตรผสมผสาน ครอบคลุมอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลตะปอน ตำบลวันยาว ตำบลตรอกนอง และตำบลซึ้ง อันสามารถพัฒนาสู่การเป็นเกษตรปลอดภัยและเกษตรอัจฉริยะได้ในอนาคต โดยกระบวนการสร้างการเรียนรู้ เพื่อพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเมืองแห่งการเรียนรู้สู่ความยั่งยืน (Learning City) จัดทำแนวทางพัฒนาพื้นที่ต้นแบบในการจัดทำเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) เพื่อเตรียมความพร้อมและส่งเสริมคุณภาพผลผลิตสินค้าเกษตร พร้อมทั้งยกระดับอาหารท้องถิ่นจันทบุรี อันนำไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบายสร้างเส้นทางท่องเที่ยวบนถนนแห่งการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม เมืองพหุวัฒนธรรม 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม และเส้นทางเกษตรอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มเกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่เส้นทางคมนาคมถนนสายรอง หรือที่เรียกว่า “ถนนสายขลุง-พลิ้ว” เริ่มต้นจากกองพระเจดีย์ทรายใหญ่เก่าแก่ บ้านป่าคั่น หมู่ 4 ตำบลตะปอน ผ่านตำบลเกวียนหัก สิ้นสุดที่เทศบาลเมืองขลุง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ระยะทางทั้งสิ้น 9.8 กิโลเมตร โดยมีระยะห่างจากถนน 1 กิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมทั้งสิ้น 15.361 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ไม้ผลมากที่สุดถึง 9.718 ตารางกิโลเมตร
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/DSC00543-1024x683.jpg)
พร้อมกันนั้น กลไกและเครือข่ายการยกระดับระบบนิเวศเมืองแห่งการเรียนรู้ ได้สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์พื้นที่เรียนรู้อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ในรูปแบบการนำเสนอแผนที่เรื่องราว (Story Map) และศูนย์รวบรวมข้อมูลการเรียนรู้ (Digital Platform) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและง่าย อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลเชิงพื้นที่ไปใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาเมือง การถ่ายทอดเรื่องราว การวางแผนการท่องเที่ยว การพัฒนาพื้นที่ และแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี