/

ผมเคยคิดว่าถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราต้องเรียนให้หนัก เรียนในสิ่งที่ยากๆ แต่ทุกวันนี้ หลังทำสวนมาหลายปี ผมกลับสอนเด็กๆ ใหม่ว่า ทำเรื่องเรียนให้เป็นเรื่องที่ง่าย

Start
398 views
11 mins read

“ผมเป็นคนหมู่ 4 ตำบลปากพูน เรียนจบมัธยมต้นที่โรงเรียนปากพูน และย้ายไปเรียนต่อที่อื่น จนกลับมาบรรจุเป็นครูสอนวิชาเคมีที่โรงเรียนเดิม สาเหตุที่เลือกกลับมาทำงานที่นี่ ข้อแรกคือผมต้องกลับมาดูแลครอบครัว และข้อที่สอง คือผมเห็นโอกาสที่มีในบ้านเกิดแห่งนี้

ปากพูนเป็นตำบลที่ผู้คนมีทรัพยากรเยอะมากนะครับ ประมงอุดมสมบูรณ์ ส่วนชาวสวนส่วนใหญ่ก็มีที่ดินทำกินค่อนข้างมาก อาจจะเพราะความที่อะไรก็สมบูรณ์อยู่แล้วด้วย ชาวบ้านจึงไม่ได้คิดขวนขวายกับการพัฒนาอาชีพเท่าไหร่ อย่างถ้าคุณทำสวนมะพร้าว ถึงเวลาก็จะมีล้งมารับซื้อไป บางช่วงเขาไม่มารับ คุณขายไม่ได้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่รู้จะทำยังไง หรือถ้าบ้านไหนทำประมง ก็มีลักษณะคล้ายๆ กันคือสามีจะออกเรือหาปลา ส่วนภรรยาก็จะเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน ทั้งที่ในบ้านของตัวเองก็มีสวนให้ปลูกนั่นปลูกนี่ สามารถหารายได้เสริมเยอะแยะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

นี่แหละที่ทำให้ผมเห็นว่าที่ผ่านมา ปากพูนเป็นเมืองที่มีต้นทุน แต่ผู้คนกลับไม่ค่อยมีความหวัง

ควบคู่ไปกับการสอนหนังสือ ความที่ผมเป็นลูกหลานของเกษตรกรทำน้ำตาลมะพร้าวอยู่แล้ว เลยมีความคิดต่อยอดจะทำสวนในแบบของผมเอง ผมซื้อที่ดินทำสวนเพิ่ม คิดว่าสามารถทำทั้งการขายมะพร้าวผล นำไปแปรรูป และทำสวนเกษตรผสมผสาน ตั้งใจให้สวนของผมไม่ต้องง้อล้งมะพร้าว ถ้าเขากดราคาเรามาก ก็ไม่ขาย หาช่องทางขายทางอื่นเอา และก็อยากสนับสนุนให้ชาวสวนในปากพูนทำแบบนี้ คือมีความสามารถในการต่อรองราคากับคนกลาง และมีผลผลิตอื่นๆ สร้างรายได้เสริม

นอกจากมะพร้าว ในสวนของผมก็มีฝรั่งไส้แดง ส้มเขียวหวาน มีน้ำผึ้งจากผึ้งและชันโรงที่มาจากป่าโกงกางซึ่งผมทำคอนโดให้พวกเขาอาศัย เลี้ยงปศุสัตว์ ทำปุ๋ยจากมูลไก่อัดเม็ด รวมถึงขุดร่องสวนเพื่อเลี้ยงปลา และอย่างที่บอกว่าผมเป็นอาจารย์สอนเคมี ก็เลยมีความรู้เรื่องการแปรรูป เลยได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นขึ้นมาอีกตัว ผมตั้งชื่อว่า ‘สวนปันสุข’ เพราะคิดว่านอกจากผลผลิตในสวนแห่งนี้ เรายังสามารถแบ่งปันความรู้จากการทำสวนให้คนอื่นได้

ที่สำคัญ ผมยังใช้สวนแห่งนี้ประกอบการเรียนการสอนที่โรงเรียนอีกด้วย ผ่านกิจกรรมชุมนุมเศรษฐกิจพอเพียง ชวนนักเรียนให้ไปดูและทำกิจกรรมที่สวน ให้ความรู้เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่และโคกหนองนาโมเดล แล้วก็ลองให้พวกเขาทดลองจินตนาการว่าถ้าเรามีสวนพื้นที่ 1 ไร่ เราจะทำโคกหนองนาของเราอย่างไร ให้นักเรียนออกแบบพื้นที่การใช้งานสวนด้วยคอมพิวเตอร์มาส่ง จากนั้นก็สอนกันต่อไป หรือถ้ามีโอกาส ไม่ต้องมีบทเรียนอะไรก็ได้ ให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นในสวน มาซึมซับ มาดูว่าสวนของผมนี้มีอะไรหรือมีระบบนิเวศอะไรบ้าง 

อย่างที่บอกว่าคนปากพูนมีต้นทุนแต่ไม่มีความหวัง ผมจึงคิดว่าถ้าเราอยากให้ชุมชนเรามีความหวัง การปลูกฝังในตัวเด็กเป็นเรื่องสำคัญ เลยตั้งใจให้สวนปันสุขเป็นพื้นที่เรียนรู้ให้เด็กๆ กลับไปคิดถึงทรัพยากรและที่ดินของที่บ้านพวกเขา เราสามารถแปรรูปวัตถุดิบที่มี หรือต่อยอดพื้นที่เป็นอะไรได้บ้างจนเกิดเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน

สมัยก่อนผมเคยคิดนะครับว่าถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราต้องเรียนให้หนัก เรียนในสิ่งที่ยากๆ แต่ทุกวันนี้ หลังทำสวนมาหลายปี ผมกลับสอนเด็กๆ ใหม่ว่าให้ทำเรื่องเรียนเป็นเรื่องง่าย โจทย์สำคัญกว่านั้นคือควรเรียนในสิ่งที่เราสนใจจริงๆ และรู้ว่าเราจะนำสิ่งที่เรียนบวกกับต้นทุนที่มีไปพัฒนาเป็นอะไรได้มากกว่า อย่างเด็กปากพูนของเรามีต้นทุนในด้านทรัพยากรที่ดีอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเขาจะเอาความรู้หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาไปพัฒนาเป็นอะไร ผมเชื่อว่าการที่เรามีความรู้และรู้จักเรียนรู้ มันสร้างโอกาสใหม่ๆ ได้ไม่สิ้นสุดครับ”

ธงชัย ศักดามาศ
คุณครูโรงเรียนปากพูน และเจ้าของสวนปันสุข
Facebook: สวนปันสุข เกษตรผสมผสาน
https://www.facebook.com/profile.php?id=100066780458381

กองบรรณาธิการ

ในปีพ.ศ.2563-2564 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้สนับสนุนและผลักดันการพัฒนาเมืองในประเทศไทยเพื่อพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) โดยเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วทั้งหมด 18 เมือง 20 ชุดโครงการ และ 41 ชุดโครงการย่อย