“พิษณุโลกเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนล่างมาแต่ไหนแต่ไร และเพราะเหตุนี้ แต่เดิมพื้นที่ย่านใจกลางเมืองที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลนครพิษณุโลกจึงมีความคึกคัก ทั้งการเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในฐานะที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระราชวังจันทน์ ไปจนถึงวัดเก่าแก่และพิพิธภัณฑ์อื่นๆ
นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการที่มีมากถึง 300 กว่าหน่วย นั่นทำให้แม้ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เมืองจะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้า แต่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ภาคบริการการท่องเที่ยวจึงยังพอไปรอด เพราะยังมีการจับจ่ายใช้สอยของพนักงานราชการและพนักงานบริษัทเอกชนหมุนเวียนอยู่
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะอย่างที่ทราบกันว่าปัจจุบันมีการขยายตัวเมืองออกไปรอบนอกกันมากขึ้น ย่านเศรษฐกิจกระจายออกไปนอกเขตเทศบาล รวมถึง แผนการที่จะย้ายศูนย์ราชการออกไปนอกเมือง ซึ่งนั่นจะสร้างผลกระทบแก่เราโดยตรงในอนาคต เพราะผู้คนในย่านใจกลางเมืองจะลดลง เศรษฐกิจก็จะซบเซาตาม
ในฐานะเทศบาลนครพิษณุโลก ควบคู่ไปกับการดูแลสาธารณูปโภคและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ดิฉันก็พยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างแหล่งดึงดูดหรือกิจกรรมที่มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับตัวเมือง ทำให้เมืองยังคงเสน่ห์ของความน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยว ทั้งนี้ เรากำลังอยู่ระหว่างทำแผนยุทธศาสตร์เตรียมเมืองในอีก 20 ปี โดยประสานกับนักวิชาการจากภาคส่วนต่างๆ มาดูกันว่าเราจะทำให้พิษณุโลกยังคงเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคได้อย่างไร และทำให้มันดีกว่าเดิมได้อย่างไร
ในเชิงกายภาพ จากเดิมที่ดิฉันเคยปรับปรุงพื้นที่ริมแม่น้ำน่าน บริเวณถนนพุทธบูชา ให้กลายเป็นไนท์บาซาร์จนคึกคักในอดีต แต่ภายหลังที่ดิฉันเว้นวรรคจากการเป็นนายกเทศมนตรีหลายสมัย รวมถึงจากภาวะโควิด-19 ไนท์บาซาร์ในปัจจุบันจึงซบเซาอย่างหนัก อย่างไรก็ดี เมื่อได้กลับมาบริหารเทศบาลต่อ จึงเร่งปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณไนท์บาซาร์ให้กลับมาสวยงามและน่าดึงดูดเช่นเคย
ซึ่งก็สอดรับไปกับโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยนเรศวรเมื่อปีที่แล้ว ที่มีการฟื้นฟูชีวิตชีวาให้กับย่านตลาดใต้ที่อยู่ติดกัน โดยทางเทศบาลก็ต่อยอดโครงการนี้ด้วยการร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากรในการทำ ‘ตลาดวัฒนธรรม ย่านตลาดใต้’ จัดเป็นถนนคนเดินทุกเย็นวันอาทิตย์ เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยแห่งใหม่ของคนในเมือง ผ่านการชูวัฒนธรรมผสมไทย-จีนที่เป็นอัตลักษณ์ของย่านนี้ให้เป็นจุดขาย นั่นทำให้จากเดิมที่คนจดจำตลาดใต้เฉพาะความเป็นตลาดเช้า ก็จะมีโอกาสได้มาสัมผัสบรรยากาศของตลาดแห่งนี้ด้วยมุมมองใหม่ในตอนเย็น
นอกจากนี้ ทางเทศบาลยังทำถนนคนเดินเย็นวันเสาร์บริเวณวัดจันทร์ตะวันออก (ถนนสังฆบูชา) ให้เป็นที่แหล่งจับจ่ายใช้สอยและพักผ่อนของคนในเมือง เช่นเดียวกับการจัดระเบียบแผงลอยยามค่ำคืนตามย่านต่างๆ อาทิ บริเวณหน้าสถานีรถไฟ รวมไปถึงถนนอาหารสุขภาพหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพฯ และอื่นๆ ด้วยความตั้งใจให้พิษณุโลกมีแหล่งดึงดูดสำหรับการพักค้างแรมแก่นักท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนในเมือง
ทั้งนี้ ดิฉันเชื่อมั่นว่าถ้าตลาดไนท์บาซาร์ได้รับการปรับปรุงแล้วเสร็จ จะกลายเป็นจุดขายแห่งใหม่ให้กับเมืองเราได้อย่างดีเยี่ยม
ที่ผ่านมา เทศบาลนครพิษณุโลกมีจุดยืนอันแน่วแน่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับผู้คนในเมือง โดยเฉพาะการจัดอีเวนท์หรือเทศกาลต่างๆ ที่ทางเทศบาลจะเป็นเจ้าภาพเองมาตลอด เพราะเราตระหนักดีว่าการจ้างออร์แกไนเซอร์จากที่อื่นมาทำ โอกาสของผู้ประกอบการในเมืองที่จะเข้าร่วมขายสินค้าในงานต่างๆ ก็จะน้อยลง แต่ถ้าเราจัดเอง เราก็จะสามารถเลือกพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนท้องถิ่นของเราเองมาขายสินค้าได้ก่อน
หรือหากมีหน่วยงานจากที่อื่นมาขอจัดงานในพื้นที่เรา เทศบาลก็จะตั้งเงื่อนไขในการแบ่งพื้นที่ให้ผู้ประกอบการในเมืองพิษณุโลกสามารถขายสินค้าของตัวเองด้วย คุณพาคนมาจากที่อื่นได้ไม่เป็นไร แต่ต้องมีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการบ้านเรา
และในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก ดิฉันพยายามนำอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองของเรามาเป็นจุดขายในการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นจากโบราณสถานที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ไปจนถึงการผลักดันให้ย่านหรือชุมชนต่างๆ ชูจุดเด่นของตัวเองมาเสริมไปกับการท่องเที่ยว เพราะพิษณุโลกไม่ได้มีแค่วัดวาอารามหรือโบราณสถาน แต่เรายังมีวิถีชุมชนที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรม และอาหารการกินอร่อยๆ กระจายอยู่เต็มเมือง ก็อยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันขับเคลื่อนด้วยการหาวิธีสื่อสารของดีเหล่านี้ออกมาให้ทุกคนได้รับรู้อย่างทั่วถึงกัน”
ดร.เปรมฤดี ชามพูนท
นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก และประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…