“บางคนตื่นเต้นที่รู้ว่าผมตั้งโรงงานอยู่ที่นี่ ผมก็บอกเขาไปว่าคุณควรรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่เจริญใดๆ ก็แล้วแต่ในประเทศนี้ ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ”

Start
290 views
15 mins read

“ราวๆ 50 ปีที่แล้ว ผมเป็นเด็กอยู่ชุมชนบ้านเกาะ ความบันเทิงของคนที่นั่นคือการฟังเพลงจากเครื่องไฟ ทีนี้หลายคนมักเจอปัญหาเดียวกัน คือเพลงไหนที่มีเสียงแหลมๆ คอยล์ในลำโพงจะชอบขาด คอยล์เป็นอะไหล่นำเข้าจากอเมริกา พอมันขาดทีนึง ก็ต้องเสียเงินซ่อมไปหลายร้อย ซึ่งสมัยนั้นคือแพงมาก

ความที่ผมเคยทำงานโรงสีข้าวและโรงบดแร่มาก่อน ก็พอมีความรู้เรื่องกลไกและเครื่องจักร เลยทดลองแกะไดอะแฟรมออกมาและพันขดลวดใส่เพื่อใช้แทนคอยล์ นั่นคือเมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ที่ผมหาวิธีผลิตไดอะแฟรมคนแรกมาขาย ขายแผ่นละ 20 บาท จากขายเองเล็กๆ ก็เริ่มทำโรงงาน เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก่อนจะผลิตคอยล์ ผลิตกระดาษ ผลิตชิ้นส่วนให้งานซ่อมลำโพงทั่วไป จนมาผลิตดอกลำโพงเป็นผลสำเร็จ กลายเป็นโรงงานส่งออกดอกลำโพงให้กับแบรนด์ลำโพงเจ้าใหญ่ๆ ทั่วโลกในทุกวันนี้

เอาเป็นว่าผมพูดถึงแบรนด์ใหญ่ๆ ที่คุณรู้จัก กว่าครึ่งเขาใช้ดอกลำโพงที่ผลิตจากโรงงานในนครสวรรค์ของผม ลำโพงที่ใช้เสียงตามสายในชุมชนทั่วประเทศก็ใช้ดอกลำโพงที่มาจากโรงงานนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงถ้าเฉพาะลำโพงเสียงตามสายในชุมชน ในโลกนี้มีผู้ผลิตดอกลำโพงเพียง 3 เจ้าที่ติดตลาด คือแบรนด์จากญี่ปุ่น อินเดีย และประเทศไทย ซึ่งอันหลังนี่คือแบรนด์ของผม 

ผมไม่ได้เรียนวิศวกรรมศาสตร์มา เป็นแค่คนที่ชอบเรียนรู้และไม่หยุดแสวงหาความรู้ใหม่ๆ พอเราจับทางได้ว่าจะทำอะไหล่ลำโพง ก็ไปค้นคว้าเรื่องวัสดุศาสตร์ สนามแม่เหล็ก การสั่นสะเทือนของเสียงอะไรพวกนี้ จนโรงงานเติบโต ก็จ้างนักวิจัยเก่งๆ ในบ้านเรา รวมถึงจากญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ มาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผมเริ่มจากการเป็นช่างก่อน จนถึงระดับหนึ่งก็พาโรงงานตัวเองไปสู่งานวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรม ซึ่งสิ่งนี้มันละเอียดอ่อนมาก ลำโพงว่าไปก็เหมือนยางรถยนต์ ดูเหมือนแค่คุณมีโรงงานก็ผลิตออกมาได้ใช่ไหม แต่คุณลองไปเลียนแบบยางรถยนต์แบรนด์ดังๆ สิ คุณทำเหมือนเขาไม่ได้หรอก ถ้าไม่ได้ทำการวิจัยอย่างลงลึกมาก่อน

ถามว่าผมส่งอะไหล่ให้แบรนด์ลำโพงเจ้าใหญ่ๆ ทำไมไม่ผลิตลำโพงแบรนด์ของตัวเอง? ไม่หรอก ลูกค้าของผมคือบริษัทที่ทำตู้ลำโพงขาย ผมจะทำตู้ลำโพงมาแข่งกับลูกค้าตัวเองทำไม มันก็เหมือนกับที่ทำไมโตโยต้าจึงไม่ผลิตยางรถยนต์ของตัวเอง หรือกู๊ดเยียร์ไม่ผลิตรถยนต์เองนั่นแหละ ผมมองว่านี่คือความรับผิดชอบในเทคโนโลยีของแต่ละคน และนี่คือเศรษฐกิจของการแบ่งปัน (sharing economy) บ้านเมืองเราไม่มีทางเจริญหรอก ถ้าคุณจะผูกขาดทุกอย่างไว้กับตัวเองคนเดียว

เมื่อก่อนโรงงานผมอยู่ในตลาดปากน้ำโพเลย อยู่มาหลายสิบปีเหมือนกัน แต่พอโรงงานขยายขนาดเข้า มันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็เลยย้ายมาอยู่นอกเมืองตรงนี้ ตอนแรกยังเป็นการประกอบมือเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องใช้พนักงานมากถึง 300 คน แต่ตอนนี้ก็ใช้เครื่องจักรช่วย เลยลดการจ้างงานลงมาพอสมควร

ถามว่า ส่งออกมากขนาดนี้ แถมมีลูกค้าจากกรุงเทพฯ เกือบ 100 ราย ทำไมถึงไม่ไปอยู่กรุงเทพฯ ผมก็บอกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องย้ายไปที่นั่น ที่นี่สะดวกกว่าเยอะ เอางี้ ถ้าโรงงานคุณอยู่พระราม 2 คุณมีออร์เดอร์ส่งของเข้ากรุงเทพฯ คุณอาจต้องเจอรถติด ซึ่งเผลอๆ ใช้เวลาเท่ากับการขับรถจากนครสวรรค์เข้าไปอีก แน่นอน อยู่ที่นี่ต้นทุนค่าน้ำมันอาจสูงกว่า แต่ก็ไปหักกับค่าทำสำนักงานอยู่กรุงเทพฯ ที่สำคัญ ถ้าทุกคนคิดว่ากรุงเทพฯ คือประเทศไทยนะ บ้านเมืองเราไม่มีวันโตหรอก

ขนาดเมียนมาร์ที่ล้าหลังกว่าเราเยอะ ความเจริญเขาไม่ได้อยู่แค่ที่ย่างกุ้ง แต่เป็น มันดาเลย์ มะละแหม่ง แล้วมาดูจีน ญี่ปุ่น หรืออินเดียสิ ศูนย์กลางเศรษฐกิจเขากระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งนั่นหมายถึงความเจริญมันก็กระจายอย่างทั่วถึง บางคนตื่นเต้นที่รู้ว่าผมตั้งโรงงานอยู่ที่นี่ ผมก็บอกเขาไปว่าคุณควรรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ทุกวันนี้ ความเจริญใดๆ ก็แล้วแต่ในประเทศนี้ ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ

ที่สำคัญ นครสวรรค์เป็นเมืองที่มีประสิทธิภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและขนส่งในระดับภูมิภาคอยู่แล้ว คุณสังเกตกายภาพเราสิ ทางหลวง 117 เหมือนเป็นแม่น้ำน่าน ถนนพหลโยธินเปรียบเหมือนแม่น้ำปิง ทำเลของจังหวัดเป็นเหมือนสะดือของประเทศ เป็นแหล่งลุ่มชุ่มน้ำที่เหมาะแก่การกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ เกษตรเราก็เยอะ เหมาะแก่การทำอุตสาหกรรมเกษตร ที่สำคัญคนบ้านเราทำขนส่งเก่งมาก สมาคมขนส่งทางบกของประเทศก็มาตั้งอยู่ที่นี่ เพราะเป็น hub ทางหลวง 225 จากอีสานก็มาจบตรงนี้ ไหนจะรถไฟเส้นใหม่จากแม่สอดที่เชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนฝั่งตะวันตกอีก

ผมไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเลย เพียงแต่ก็อยากให้ทุกภาคส่วนที่ผมก็รู้ว่าตระหนักในสิ่งที่ผมพูดอยู่นี้เหมือนกัน มาช่วยกันทำให้คนบ้านเราเข้าถึงโอกาสเติบโตกันให้มากกว่านี้ รวมถึงกลุ่มนักวิจัยที่ช่วยทำให้งานของพวกคุณรับใช้ชาวบ้านมากกว่านี้ อย่าเอาแต่ทำไปตาม TOR พอเสร็จแล้ว ก็เย็บเล่มเก็บเข้าห้องสมุดเฉยเลย”   

วิรัช ตั้งประดิษฐ์
ประธานกรรมการ บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (
1985) จำกัด
และประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2

กองบรรณาธิการ

ในปีพ.ศ.2563-2564 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้สนับสนุนและผลักดันการพัฒนาเมืองในประเทศไทยเพื่อพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) โดยเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วทั้งหมด 18 เมือง 20 ชุดโครงการ และ 41 ชุดโครงการย่อย