“ยะลาเป็นเมืองตักศิลาของการศึกษา เราเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาในระดับภูมิภาคที่มีสถาบันการศึกษาในทุกระดับ ขนาดมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตภาคใต้ตอนล่าง ก็ยังตั้งอยู่ที่นี่ ผมตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และนั่นทำให้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานในเทศบาลนครยะลา จึงมีวิสัยทัศน์อันเด่นชัด โดยวาง motto ไว้ว่า ‘สร้างเมืองให้น่าอยู่ สร้างความรู้สู่มวลชน’
และเพราะเหตุนี้ เทศบาลนครยะลาจึงให้ความสำคัญกับพื้นที่การเรียนรู้ของเมืองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้ เพราะเราเห็นว่าพื้นที่ของการใช้ชีวิตและพื้นที่ของการเรียนรู้คือพื้นที่เดียวกัน
เรามีอุทยานการเรียนรู้ TK Park ที่เปิดเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัดอยู่ภายในศูนย์เยาวชนของเทศบาล ซึ่งเป็นทั้งสวนสาธารณะและที่ออกกำลังกายของเมือง ขณะเดียวกันเรายังทำ exploring garden หรือสวนสร้างสรรค์ทางการศึกษาในพื้นที่ และทำมินิทีเคพาร์ค หรืออุทยานการเรียนรู้ขนาดย่อมกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เทศบาล เพื่อส่งเสริมบรรยากาศของการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้เกิดขึ้นทั่วเมือง
ถึงเราจะเป็นเจ้าของพื้นที่และส่งเสริมให้มีศูนย์การเรียนรู้เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่เทศบาลก็ตระหนักดีว่ากับการขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง เราหาใช่ผู้เล่นหลัก (key player) แต่แท้จริงเราเป็นผู้อำนวยความสะดวก หรือ facilitator คอยเชื่อมประสานให้เกิดการร่วมงานหรือกิจกรรมในการพัฒนาเมือง เราจึงไม่ใช่ผู้นำการพัฒนา แต่เป็นผู้อำนวยสะดวกให้ภาคประชาชนและองค์กรต่างๆ ร่วมกันขับเคลื่อนเมืองยะลาอย่างที่ทุกคนอยากให้เป็นมากที่สุด
เช่นที่งานยะลาสตอรี่ (Yala Stories) ซึ่งเกิดจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ร่วมกับกลุ่มเยาวชน ชาวเมืองยะลา และเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่ นี่เป็นงานที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งไม่เพียงนำเสนอแง่มุมอันหลากหลายของยะลา และศักยภาพของกลุ่มต่างๆ ในเมือง แต่ที่น่าภูมิใจคือเป็นงานที่ทำให้คนรุ่นใหม่มี sense of belonging หรือความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของเมือง รวมถึงการมีจิตสาธารณะ และการมองเห็นถึงอนาคตของเมืองร่วมกัน ซึ่งตรงนี้แหละคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมือง เพราะเมืองจะไม่มีทางเจริญ หากคนในเมืองเอาแต่จะคิดว่าปัญหาที่เกิดไม่ใช่เรื่องของกู แต่เมื่อผมเห็นคนรุ่นใหม่ที่มาในงานไม่ได้คิดแบบนี้ นี่แหละที่ทำให้ผมมีความหวัง
ในฐานะตัวแทนของเทศบาลนครยะลา เรายินดีสนับสนุนโครงการเพื่อการเรียนรู้ของเมืองอย่างเต็มที่ ถ้าโครงการนั้นเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนและผู้คนในเมือง ขณะเดียวกันเราก็มุ่งพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ในความดูแลของเราต่อไป ซึ่งไม่ใช่แค่การอำนวยความสะดวกให้ผู้มาใช้พื้นที่ แต่ยังรวมถึงการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง เพราะพื้นที่การเรียนรู้จะมีประโยชน์สูงสุด พื้นที่การเรียนรู้นั้นต้องมีชีวิต และชีวิตที่ว่าจะมีได้ก็ต้องมาจากการจัดกิจกรรมที่ดึงดูดคนทุกกลุ่มให้มาร่วมงานอยู่เสมอ
ถามว่าผมภูมิใจอะไรในยะลา? (นิ่งคิด) ไม่รู้สิ ผมตอบไม่ได้ ผมคิดว่าความภูมิใจไม่ได้เกิดเพราะเห็นอะไรในเมืองแล้วมีความภาคภูมิใจ แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ทำให้เรามีลมหายใจอยู่ในเมืองอย่างทุกวันนี้ อาจเป็นความรู้สึกสบายใจ หรืออาจเป็นความรัก ผมมองยะลาเหมือนคนรักน่ะ อาจไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยอะไรมาก แต่เรารักที่จะอยู่ร่วมกันกับเขาอย่างนี้เรื่อยไป
วันนี้ผมในฐานะเด็กที่เกิดยะลา ผมก็ภูมิใจของผม ภูมิใจในผังเมืองที่เป็นแบบนี้ ภูมิใจในสภาพอากาศ ภูมิใจในวิถีชีวิตของผู้คน สิ่งที่เมืองยะลาเป็นตอนนี้ดีอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผมต้องหยุดพัฒนาเมืองของพวกเราเอง ยะลาดีอยู่แล้วครับ แต่ถ้าเรารวมพลังกัน เราทำให้เมืองที่เรารักดีขึ้นกว่านี้อีกได้”
พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ
นายกเทศมนตรีนครยะลา
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…