ไม่เคยหยุดเรียนรู้ ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ คือเหตุผลที่ทำให้สามารถเอาตัวรอดจากธุรกิจในเมืองปราบเซียนอย่างเมืองเชียงใหม่

“สมัยยังเด็ก ผมมีความฝันอยากเรียนและทำงานด้านอนิเมชั่น แต่ป๊าอยากให้เรียนไปทางสายวิทย์ เขามองว่าอาชีพหมอหรือวิศวกรมั่นคงกว่า แกก็เคี่ยวเข็ญให้ผมไปทางนั้น ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มไม่สนุกกับการเรียน น่าจะเป็นช่วงมัธยมสองที่ญาติไปเปิดร้านอาหารไทยในกัวลาลัมเปอร์ ผมเลยดร็อปเรียน และขอตามไปช่วยงานครัวที่นั่น ซึ่งนั่นแหละครับ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปเรียนหนังสือสายสามัญอีกเลย

ผมโตมาในครอบครัวค่อนข้างใหญ่ มีพี่น้องและลูกพี่ลูกน้องอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 คน ความที่ผมเป็นคนเกือบโตสุด เลยมักเป็นคนทำอาหารให้น้องๆ กิน ซึ่งทักษะนี้ได้มาจากปู่ แกสอนให้ผมจับมีดหั่นผัก หั่นเนื้อมาตั้งแต่ผมอายุ 5-6 ขวบ ประกอบกับครอบครัวผมทำธุรกิจร้านอาหารในย่างกุ้งด้วย การทำอาหารจึงคล้ายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมมาตั้งแต่เด็ก

อย่างไรก็ตาม ตอนไปอยู่ที่ร้านญาติที่มาเลเซีย ผมก็ไม่ได้มีความคิดอยากเปิดร้านอาหารแต่แรก แค่อยากไปเรียนรู้ อยากไปเห็นอะไรใหม่ๆ แต่ไปๆ มาๆ ก็รู้สึกสนุก จึงตัดสินใจไม่กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกแล้ว ผมอาศัยสมัครเรียนคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับงานออกแบบ ระหว่างนั้นก็มีโอกาสเดินทางไปสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไปดูนั่นดูนี่ แล้วก็ลงเรียนคอร์สทำอาหารฝรั่ง จากที่เมื่อก่อนทำแต่อาหารไทยและจีนในร้าน การเรียนอาหารฝรั่งเปิดโลกผมมาก เพราะมันไม่ใช่แค่ทำขนมปัง พิซซ่า หรือพาสต้า แต่มันมีศาสตร์เกี่ยวกับวัตถุดิบและโภชนาการที่ลึกกว่านั้น รวมถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการนำวัตถุดิบหรือศาสตร์ดั้งเดิมมาประยุกต์ ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มคิดถึงการประกอบอาชีพด้านอาหารจริงจัง

ผมกลับมาเชียงใหม่ตอนอายุยี่สิบต้นๆ พอดีกับรีสอร์ทด้านสุขภาพแห่งหนึ่งในอำเภอดอยสะเก็ดเปิดรับสมัครคนทำอาหาร ผมก็ยื่นใบสมัคร เอาโปรเจกต์รอว์ฟู้ด (Raw Food) ไปเสนอเขา ตอนนั้นคำว่าออร์แกนิกยังไม่แพร่หลายเท่าทุกวันนี้ และ Raw Food ที่เป็นโภชนาการธรรมชาติที่ปราศจากการเติมแต่งยังถือเป็นเรื่องใหม่มากๆ ผมก็เลยได้ทำงานอยู่ที่นั่นสักพัก

พอทำงานไปได้สักพัก ก็มีเงินเก็บ และมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศอีก สิ่งนี้ช่วยเปิดโลกผมอีกครั้ง ผมออกมาเปิดร้านของตัวเองที่ชื่อ Rustic and Blue เป็นร้านกึ่งคาเฟ่ที่เสิร์ฟ brunch เป็นหลัก ก่อนจะหันมาทำ Greensmoked ในร้านกึ่งรถเข็นหรือฟู้ดทรัก (food truck) นำเสนออาหารแบบโซลฟู้ด (Soul Food) ซึ่งก็ทำให้ผมได้สนิทกับพี่นุชและพี่โจ้ (นุช-ชิดชนก หมื่นหนู และโจ้-รัชดาพล หมื่นหนู) คู่สามีภรรยาที่รับทำโครงสร้างฟู้ดทรักให้ผม พอรู้ว่าสองคนนี้ชอบทำอาหาร เลยชวนกันรีโนเวทโกดังวัสดุก่อสร้างย่านหนองควาย อำเภอหางดง มาทำเป็นร้านข้าวแกง ชื่อแกงเวฬา เป็นร้านข้าวแกงแบบรสมือแม่ ที่เน้นวัตถุดิบตามช่วงเวลา ทำขายอารมณ์บ้านๆ สบายๆ แต่ก็พิถีพิถัน

ธุรกิจข้าวแกงไปได้ดี เรามีลูกค้าประจำ และขายหมดทุกวัน ทำไปได้สักพัก จูเลียน-ซีเลียน ฮวง สถาปนิกเจ้าของโครงการ Weave Artisan Society ในย่านวัวลาย ก็มาชวนเราสามคนมาเปิดร้านตรงพื้นที่ที่เป็นโรงน้ำแข็งเก่า เราเห็นพื้นที่แล้วมันใช่มากๆ แต่ความที่เรามีบุคลากรจำกัด ก็เลยจำใจหยุดร้านข้าวแกงไว้ชั่วคราว เพื่อหันมาพัฒนา Greensmoked ย้ายจากรถเข็นมาเปิดในร้านอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็เอาคอนเซปต์โซลฟู้ดมาเสนอ มีบาบีคิว พิซซ่า สลัด ทาโก้ และใช้เตาฟืนเป็นครัวหลัก

ผมไม่สามารถออกตัวได้ว่านำเทรนด์ร้านอาหาร หรือกระทั่งประสบความสำเร็จแต่อย่างใด เพราะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ก็โดนกระทบหนัก และกว่าจะฟื้นกลับมาได้ก็รากเลือด อย่างไรก็ดี การที่ผมไม่เคยหยุดเรียนรู้ ไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ หมั่นเปิดหูเปิดตา และเสพสิ่งใหม่ๆ คือสิ่งที่พอจะคุยได้ว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมสามารถปรับตัวหรือเอาตัวรอดจากธุรกิจที่ค่อนข้างแข่งขันกันอย่างสูงในเมืองที่ใครก็ว่าเป็นปราบเซียนอย่างเชียงใหม่

อีกเรื่องคือผมโชคดีที่เติบโตมาในยุคสมัยที่โซเชียลยังไม่ใช่วิถีชีวิตแทบทั้งหมดของผู้คนเช่นทุกวันนี้ จึงมีโอกาสได้เรียนรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวจริงๆ เท่ากับที่ได้เรียนรู้จากโลกออนไลน์เฉกเช่นคนรุ่นใหม่ ผมจึงพอจะมีความเข้าใจลักษณะเฉพาะของคนทั้งสองรุ่น รวมถึงก็มองเห็นช่องว่างระหว่างคนสองรุ่นด้วยเช่นกัน

ผมมองว่าประสบการณ์และองค์ความรู้จากคนสองรุ่นนี้แหละสำคัญ ถ้าคนรุ่นก่อนหน้าเปิดหูเปิดตากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็ลองออกจากหน้าจอไปมีประสบการณ์จริง หรือเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนหน้าบ้าง การเปิดหูเปิดตาและเปิดใจเข้าหากัน มันไม่ได้เพียงช่วยในเรื่องการสร้างหรือค้นพบโอกาสในโลกธุรกิจ แต่มันยังรวมถึงการแก้ปัญหาเชิงสังคม หรือสร้างกระบวนการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองที่เราอยู่อาศัยอยู่นี้ไปได้พร้อมกัน”

///

เชฟนีฟ-ฮะนีฟ พิทยาสาร

คนทำอาหารและผู้ร่วมก่อตั้งร้านแกงเวฬา และ Greensmoked

#WeCitizensTh#LearningCity#ChiangMai

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

3 days ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago