7 mins read“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย”
“เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิต
ในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ และก็ไม่มีการลงทุนอะไรที่ดึงดูดมากพอ จะทำให้คนรุ่นใหม่อยากมาใช้ชีวิต กระทั่งช่วงเราไปเรียนกรุงเทพฯ เราก็ทราบข่าวว่าร้อยเอ็ดจะมีการสร้างหอโหวดขึ้น ตอนนั้นยอมรับว่า เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับสิ่งนี้สักเท่าไหร่
ที่ไหนได้ พอหอโหวดสร้างขึ้น พร้อมกับการนำเสนออัตลักษณ์ของเมืองที่ชัดเจน เรากลับพบว่าภูมิทัศน์ของเมืองเปลี่ยนไปมาก มีการจัดกิจกรรม เทศกาล และการแข่งกีฬาระดับนานาชาติ และมีโครงการพัฒนาเมืองใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายตามมา สอดรับกับการผุดขึ้นของธุรกิจของคนรุ่นใหม่ในพื้นที่เทศบาลอย่างคึกคัก
ในตอนนั้นเราได้งานที่สำนักงานเทศบาลเมืองในต่างจังหวัดมาก่อนแล้ว พอเห็นโอกาสจากบ้านเกิด เราจึงทำเรื่องขอย้ายกลับมาทำงานที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ปัจจุบันเราทำงานเป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผน หน้าที่หลักคือการเปลี่ยนแนวคิดที่สอดรับกับนโยบายของผู้บริหารให้ออกมาเป็นรูปธรรม เราจึงรู้สึกภูมิใจกับเนื้องานที่รับผิดชอบ เพราะมีส่วนในการช่วยพัฒนาบ้านเกิดอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการต่างๆ ของเทศบาล รวมถึงโครงการวิจัยด้านพัฒนาเมืองที่ทางเทศบาลฯ ร่วมกับทีมนักวิจัยจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
จะบอกว่าโครงการหอโหวดเป็นจุดเปลี่ยนก็ได้ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของเมืองนี้ สำหรับเราหอโหวด คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนเมือง แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย”
#เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด #บพท. #Wecitiznes
