“สถาบันศึกษาการพัฒนาการประชาธิปไตย (Institute of Democratization Studies: iDS) เป็นพาร์ทเนอร์กับมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ (Konrad-Adenauer-Stiftung) ประเทศเยอรมนี มาร่วม 10 ปีแล้ว เรามีภารกิจเดียวกันคือการส่งเสริมกระบวนการกระจายอำนาจของท้องถิ่น และหาโซลูชั่นใหม่ๆ ในการพัฒนาประเทศตั้งแต่ระดับบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
ในปี 2560 รัฐบาลไทยได้ทำกรอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์เดียวกับที่ทางสหภาพยุโรป (EU) ขับเคลื่อนอยู่ โดยมี Smart City Charter เป็นกรอบใหญ่ เพื่อถอดเมืองสมาร์ทซิตี้กว่า 200 เมืองทั่วยุโรป ให้แต่ละเมืองทำ DNA ของเมืองตัวเองออกมา
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/ดร.ประเสริฐ-พัฒนผลไพบูลย์-5-1024x683.jpg)
พอพูดถึงสมาร์ทซิตี้ในบ้านเรา หลายคนจะมองไปที่เมืองขอนแก่นเสียเยอะ เพราะมีโมเดลบริษัทพัฒนาเมืองเกิดขึ้น แต่เราก็เห็นว่าความรับรู้ของผู้คนส่วนใหญ่ยังมอง Smart City ในกรอบของการทำการคมนาคม หรือ Smart Mobility เป็นหลัก ซึ่งจริงๆ แล้วความสมาร์ทมันต้องครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนในเมือง ทำให้เมืองเกิดรายได้เพิ่มขึ้นมา
ผมจึงไปฟอร์มทีมกับคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อคัดเลือกเมืองในภาคเหนือมาทำโมเดลสมาร์ทซิตี้ และพบว่านครสวรรค์เป็นเมืองที่มีศักยภาพอย่างมาก ทั้งทางด้านการคมนาคมขนส่ง และมีการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มภาคเหนือ โดยเป็นรองแค่เชียงใหม่และเชียงราย นำมาสู่การได้พูดคุยกับเทศบาลนครนครสวรรค์ และทีมกฎบัตรนครสวรรค์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ส่วนบทบาทของ iDS ต่อเมืองนครสวรรค์ คือการเชื่อมบริบทในการพัฒนาเมืองของต่างประเทศมาแลกเปลี่ยนกัน ผ่านการทำเวิร์คช็อปและถ่ายทอดองค์ความรู้ ทั้งเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัลโทเค็น (digital token) และกรอบการพัฒนาของเมืองต่างๆ
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/ดร.ประเสริฐ-พัฒนผลไพบูลย์-7-1024x683.jpg)
สำหรับนครสวรรค์เป็นเมืองที่รูปแบบนวัตกรรมเชิงนโยบาย มีภาครัฐและเอกชนที่เข้มแข็ง เครือข่ายประชาชนมีความตื่นตัว มิติความเป็นกลุ่มเครือข่ายของคนในพื้นที่ค่อนข้างสูง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ทำให้มีจุดร่วมร่วมกันในการพัฒนา แถมภาคเอกชนยังมีโรงงานน้ำตาลที่นำหลัก BCG มาใช้ พร้อมกันนั้นก็มีสถาบันการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์เป็นคลังสมอง (think tank) ทั้งหมดเข้าหลักรูปแบบการทำงานร่วมกันแบบจตุรภาคี (Quadruple Helix)
นั่นทำให้เห็นเมืองมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้าน MICE และเศรษฐกิจสีเขียว มีแผนการขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบริการเพื่อสุขภาพในระดับภูมิภาค มีแผนการด้านความยั่งยืนทางอาหาร การบำบัดน้ำเสียต่างๆ ที่ท้องถิ่นบริหารจัดการเองด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่า
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/ดร.ประเสริฐ-พัฒนผลไพบูลย์-8-1024x683.jpg)
ที่สำคัญ นี่ยังเป็นการพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่ผ่านมาการทำสมาร์ทซิตี้จะยังประโยชน์แก่คนชั้นกลางหรือภาคธุรกิจเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่นครสวรรค์ขับเคลื่อนโครงการบ้านมั่นคง จัดสรรที่อยู่อาศัยให้คนรายได้น้อย ซึ่งจุดนี้เมืองอื่นๆ ไม่ค่อยสนใจ
เอาจริงๆ การขับเคลื่อนเรื่องกฎบัตรของเมืองนครสวรรค์นี่เขาอยู่ในระดับเดียวกันกับหลายเมืองในยุโรปเลยนะครับ เพียงแค่ด้าน digital transformation ยังพัฒนาไม่เท่า แต่ conceptual framework นี่ได้แล้ว เพราะภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคมช่วยกันก่อรูปร่างขึ้นมา
จากนี้เมืองก็น่าจะมีการหนุนเสริมเรื่อง digital transformation ให้มากขึ้น พร้อมกันนั้น iDS ของเราก็ยังเชื่อมองค์ความรู้จากหน่วยงานระหว่างประเทศต่างๆ นำบทเรียนมาแลกเปลี่ยนกัน เช่นเมื่อปีที่แล้ว ที่เราชวนตัวแทนจากอินเดียมาแชร์การแก้ปัญหาฝุ่นควัน และการสนับสนุนพลังงานสะอาด หรือโมเดลของสิงคโปร์ที่ใช้ token มาแก้ปัญหาด้านสุขภาวะ กระตุ้นให้คนออกกำลังกายแลกกับ token เพื่อเป็นส่วนลดหรือสิทธิพิเศษต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
![](https://wecitizensthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/ดร.ประเสริฐ-พัฒนผลไพบูลย์-9-1024x683.jpg)
อย่างที่บอก ผมมองว่านครสวรรค์มีต้นทุนที่พร้อม และมีกระบวนการพัฒนาเมืองที่มีทิศทางชัดเจนแล้ว สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือการถอดบทเรียนจากเมืองอื่นๆ มาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของเมืองเรา รวมถึงสร้างความรับรู้ให้ภาคประชาชนในวงกว้าง ให้ทุกคนมาร่วมกำหนดทิศทางและร่วมพัฒนาเมืองแห่งนี้กันต่อไป”
ดร.ประเสริฐ พัฒนผลไพบูลย์
ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาพัฒนาการประชาธิปไตย
(Institute of Democratization Studies: iDS)
https://www.facebook.com/IDS.inThailand/